MEGA กำไรสม่ำเสมอ

มีการวิเคราะห์กันว่า MEGA จะสามารถทำกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 อยู่ที่ 405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA จะสามารถทำกำไรสุทธิไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน

สำหรับการขยายตัว ผลจากรายได้รวมขยายตัวเพิ่มขึ้น 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ Mega We Care (MWC) และ Maxxcare (MC) ที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 40.3% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลกระทบของการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจในเมียนมาและเวียดนาม ทำให้ GPM ของ MC และ MWC ปรับตัวลดลง

อีกทั้ง สัดส่วนรายได้ MC เพิ่มขึ้น (GPM ต่ำกว่า MWC) ด้านกำไรที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่งผลจาก high season และยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ ช้อปดีมีคืน กระตุ้นการซื้อสินค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 1,552 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) บนสมมติฐาน 1) รายได้ MWC ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา เติบโตต่อเนื่อง และรับรู้รายได้จาก Futamed เพิ่มขึ้นเป็น 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) 2) รายได้ MC ขยายตัวต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากเงินทุนที่เพิ่มขึ้น และ 3) อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงเล็กน้อย จากสัดส่วนรายได้ของ MC ที่เพิ่มขึ้น

ด้วยผลประเมินจากนักวิเคราะห์ต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 และในปี 2564 ว่าจะยังเติบโตแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีทาง MEGA ก็ยังเป็นหุ้นที่ผลประกอบการเติบโตแกร่งอยู่แล้วสำหรับในช่วงที่ผ่านมา

อย่างในช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน โดยในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 1,112.80 ล้านบาท ต่อมาในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 1,206.01 ล้านบาท ส่วนในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,138.52 ล้านบาท และงวดเก้าเดือนแรกปี 2563 มีกำไรสุทธิ 965.38 ล้านบาท ดังนั้นทั้งปี 2563 ยังคงเห็นกำไรสุทธิเติบโตดีแน่ เพราะถือว่ายอดขายยังไปได้ดีจากเทรนด์รักสุขภาพ

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจต่อการลงทุนของนักลงทุน ก็พบว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 7,603.89 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 4,667.10 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.63 เท่า แสดงว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังดีอยู่

ส่วนหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวม 5,037.85 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 6,655.79 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.76 เท่า ถือว่าปัญหาหนี้สินทางบริษัทยังไม่มีมารบกวน เพราะยังอยู่ในระดับต่ำ

อีกทั้ง มองว่าจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป การตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ MEGA ได้ประโยชน์ในระยะยาว

ผลดังกล่าวทำให้ บล.เคทีบี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 49 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด 434,311,400 หุ้น 49.81%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 57,627,618 หุ้น 6.61%
  3. นายวิเวก ดาวัน 45,982,716 หุ้น 5.27%
  4. MINDO ASIA INVESTMENTS LIMITED 43,175,900 หุ้น 4.95%
  5. MR.PARAMJIT SINGH SAWHNEY 13,735,395 หุ้น 1.58%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายมีชัย วีระไวทยะ ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ
  2. นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  3. นายกิริต ชาห์ กรรมการ
  4. นายอิษฎ์ชาญ ชาห์ กรรมการ
  5. น.ส.สมิหรา ชาห์ กรรมการ

Back to top button