พาราสาวะถี

ลำพังสถานการณ์โควิด-19 ก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว มาถูกสังคมไล่บี้หาคำตอบกับเรื่องของเถื่อนไม่ว่าจะเป็นแรงงานเถื่อนหรือบ่อนพนันผิดกฎหมาย ย่อมไปไม่เป็น ดังนั้น การที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสองชุดเพื่อดูสองเรื่องดังกล่าว โดยมี วิษณุ เครืองาม เป็นผู้รับผิดชอบ จึงไม่ต่างจากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่เป็นการซื้อเวลา ดึงจังหวะเพื่อลดกระแสสังคมที่เพ่งเล็งในกรณีนี้เป็นพิเศษ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการยื้อในสถานการณ์ที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำ


อรชุน

ลำพังสถานการณ์โควิด-19 ก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว มาถูกสังคมไล่บี้หาคำตอบกับเรื่องของเถื่อนไม่ว่าจะเป็นแรงงานเถื่อนหรือบ่อนพนันผิดกฎหมาย ย่อมไปไม่เป็น ดังนั้น การที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสองชุดเพื่อดูสองเรื่องดังกล่าว โดยมี วิษณุ เครืองาม เป็นผู้รับผิดชอบ จึงไม่ต่างจากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่เป็นการซื้อเวลา ดึงจังหวะเพื่อลดกระแสสังคมที่เพ่งเล็งในกรณีนี้เป็นพิเศษ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการยื้อในสถานการณ์ที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำ

อย่างไรก็ตาม การหลุดคำพูดที่ว่าร้อยนายกฯ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาพนันและยาเสพติดได้ มันก็เหมือนการรับสารภาพไปแล้วว่า หมดปัญญาที่จะจัดการ คำถามที่ตามมาคือเมื่อไร้ความสามารถขนาดนั้น จะทนอยู่ต่อไปเพื่ออะไรกัน แต่ก็ไม่ต้องไปคาดหวังอะไรมากเพราะความหน้าทนของขบวนการสืบทอดอำนาจ ย่อมไม่อินังขังขอบต่อเสียงเรียกร้องใด ๆ อยู่แล้ว เราจึงได้ยินถ้อยแถลงผ่านโฆษกศบค.ของท่านผู้นำต่อแนวทางการแก้ปัญหาบ่อนล่าสุด

โดยมีการพูดคุยกันในที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งท่านผู้นำพูดถึงบ่อนที่ถูกกฎหมาย ซึ่งก็คาดเดากันได้ไม่ยาก เมื่อได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลคนดี ย่อมนำเอาเรื่องศีลธรรมมาเป็นตัวประกัน ทั้งที่ความจริงแล้วตัวชี้วัดสำคัญมันอยู่ที่ระบบส่วยซึ่งเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล กล้าที่จะตัดตอนขบวนการเหล่านี้แล้วทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย แปลสภาพเงินสีดำมาเป็นภาษีเพื่อการบริหารประเทศหรือไม่ ไม่ต้องไปอ้างเรื่องอื่น ๆ ถ้าไม่น้ำท่วมปาก ก็น่าจะแจกแจงเหตุผลกันมาเสียให้ชัด

ยังไม่ต้องไปถึงเรื่องที่ว่าทำบ่อนให้ถูกกฎหมายได้หรือไม่ แค่ตอบข้อสงสัยของประชาชนให้ได้ก่อนว่า ทำไมจนป่านนี้จึงยังไม่สามารถกระชากหน้ากากของขบวนการลักลอบเปิดบ่อน ซึ่งเป็นบ่อนใหญ่เสียด้วยให้คนส่วนใหญ่ได้รู้เช่นเห็นชาติว่าใครเป็นเจ้าของ รวมไปถึงการฉายภาพเครือข่ายโยงใยมีกลไกหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนไหนบ้างเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยที่ไม่จำเป็นต้องอ้างว่ารอคณะกรรมการที่ยังเตาะแตะอยู่ในเวลานี้

ย้ำกันอีกครั้ง ข้อมูลบ่อนแค่เรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนเดียวมาสอบถามก็น่าจะได้กันครบทุกภูมิภาคว่า มีอยู่ที่ไหน ใครดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกต้องอย่าให้เสียชื่อบูรพาพยัคฆ์ การเล่นบทตีกรรเชียง ถามอย่างตอบอย่าง มันซื้อเวลาได้แต่จะไม่นาน หากสถานการณ์บ่อนมันเงียบหายไป ก็อาจจะไม่ต้องรับแรงกดดันต่อ แต่ถ้ายังมีต่อเนื่อง มันย่อมสั่นคลอนเสถียรภาพของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา

ไม่รู้ว่าน่าสมเพชหรือไม่ ที่ฟังเนติบริกรข้างกายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ พูดถึงสองคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นโดยอ้างยืนยันหนักแน่นว่าเชื่อมั่นคณะกรรมการชุดนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ในระดับหนึ่ง แต่กลับทิ้งติ่งว่า ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับจิตสำนึก และความตื่นตระหนกของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย พร้อมขู่สำทับอีกต่างหาก อย่ามาคาดคั้นอะไรในส่วนนี้ ขณะที่บอกว่าประชาชนจะเชื่อมั่น แต่กลับเรียกร้องว่าให้ประชาชนแจ้งเบาะแสมา เพราะคนในพื้นที่รู้ดีที่สุดจึงอยากให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมตรงนี้ด้วย

มันย้อนแย้งกันยังไงชอบกล คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อเข้าไปสืบสวนสอบสวนและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งคนที่รับคำสั่งมาให้รับผิดชอบก็พูดเองว่าต้องไปจี้ให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานเข้าไปจัดการปัญหา ถ้าประชาชนรู้ข้อมูลกันขนาดนี้แล้วเจ้าหน้าที่ไม่รู้ มันหมายถึงอะไร นี่คือภาพสะท้อนของการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แล้วการที่ประชาชนให้ข้อมูลไปเพื่อให้ไปสั่งต่อ คิดว่าคนพวกนี้จะทำตามอย่างนั้นหรือ ขนาดในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานยังกล้าที่จะแหกคอกกันถึงขนาดนี้

ประชาชนส่วนใหญ่กระตุกให้รัฐบาลสำเหนียกกันให้หนักว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกสองนี้ เป็นสิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะต้องรับไปเต็ม ๆ จะมาเที่ยวโยนความผิดและขอความร่วมมือจากประชาชนเหมือนอย่างที่ผ่านมาอีกไม่ได้ เพราะประชาชนให้ความร่วมมือกันมาอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อเป็นความเห็นแก่ได้ ไม่รู้จักพอของฝ่ายถืออำนาจเอง ก็ต้องไปจัดการกันเอง และถ้าใสซื่อมือสะอาดอย่างที่โพนทะนา ต้องกล้าที่จะนำพวกเลวเหล่านี้มาประจานให้สังคมได้รับรู้

ยิ่งนานวันแล้วยังไม่สามารถจัดการอะไรได้ คำว่าทุกอย่างต้องยึดตามกฎหมายที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจชอบพล่ามนั้น มันก็ไร้ความศักดิ์สิทธิ์ เท่ากับว่าการบังคับใช้กฎหมายจะเข้มข้นและเด็ดขาดเฉพาะพวกที่เห็นต่างเท่านั้น ถ้าเป็นผู้ที่อยู่ใต้อาณัติต่อให้ทำผิดทำชั่วขนาดไหน ก็ต้องหาทางกระเตงกันให้อยู่รอดปลอดภัยต่อไป แต่กรณีของบ่อนพนันกับขบวนการขนแรงงานเถื่อน น่าจะเป็นการประพฤติชั่วที่ท่านผู้นำไม่สมควรจะต้องมาอุ้มสมกันอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่สังคมส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับโควิด-19 ความเคลื่อนไหวของกลุ่มทางการเมืองก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นเรื่องของการถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับม. 112 ที่ผู้ถูกดำเนินคดีได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหากัน พร้อม ๆ กับการแสดงออก เรียกร้องให้ยกเลิกมาตราดังกล่าว ล่าสุด ก็มีประเด็นที่สภ.คลองหลวง กับกรณีการ์ดวีโว่ไปชักธง 112 ทำให้ผบ.ตร.ต้องลงไปลุยคดีนี้ด้วยตัวเอง พร้อมกับสั่งเอาผิดทั้งกลุ่มเคลื่อนไหว และฟันโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยโทษฐานละเลยต่อหน้าที่

พอจะเข้าใจได้ต่อภารกิจของผู้นำสีกากีรายนี้อยู่แล้ว แต่จากจุดเกิดเหตุดังกล่าว ยังมีประเด็นของ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ที่นำเอาอาหารหมาไปเทให้ตำรวจ จนถูก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะส.ส.สอบตก โจมตีว่า เป็นการเหยียดมนุษย์” แต่วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวกลับโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กพาดพิงไปถึง ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองของไทยไปในทาง เหยียดเพศ”

จนสุดท้ายฝ่ายที่ถูกพาดพิงก็ออกมาตอบโต้ดุเดือด นักการเมืองก็สอบตก อ้างว่าเป็นทนายที่รายได้ดีกว่าเป็นนักการเมือง แต่ไม่รู้กระบวนการของกฎหมายระหว่างประเทศ แถมจะทำเรื่องแจ้งกระทรวงต่างประเทศให้สั่งญี่ปุ่นส่งตัวเองกลับ ไม่แปลกใจที่คนคุณภาพต่ำแบบนี้ถึงเป็นนักการเมืองที่ล้มเหลว อยู่กับพรรคที่ล้มเหลวที่ไม่เคยชนะการเลือกตั้งมาเกือบ 30 ปีแล้ว พังทั้งพรรค พังทั้งสมาชิกพรรค แรงขนาดนี้เดี๋ยวก็มีลิ่วล้อพรรคที่ถูกพูดถึงมาโต้กลับ การเมืองยุคปฏิรูปที่เผด็จการอ้างเห็นหรือยังว่าโคตรจะโสมมขนาดไหน

Back to top button