เม่าทิ้ง กองสวน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามที่ไม่มีประเด็นต้องคิดมาก มักเห็นนักลงทุนรายย่อยมีความฮึกเหิมมากกว่าปกติ พร้อมกับฝันหวานไปถึงขั้นที่ว่า หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กจะโชว์เพาเวอร์กันอย่างเต็มที่ “โมนิก้า” เลยไม่ค่อยกังวลเมื่อเห็นกองทุนรินหุ้นออกมาเป็นระยะ เพราะในเวลาเดียวกันพบว่า แมงเม่ารับหุ้นเข้าพอร์ตกันอย่างสบายอุรา (วานนี้กองทุนซื้อ แมงเม่าขาย) เลยล่ะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามที่ไม่มีประเด็นต้องคิดมาก มักเห็นนักลงทุนรายย่อยมีความฮึกเหิมมากกว่าปกติ พร้อมกับฝันหวานไปถึงขั้นที่ว่า หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กจะโชว์เพาเวอร์กันอย่างเต็มที่ “โมนิก้า” เลยไม่ค่อยกังวลเมื่อเห็นกองทุนรินหุ้นออกมาเป็นระยะ เพราะในเวลาเดียวกันพบว่า แมงเม่ารับหุ้นเข้าพอร์ตกันอย่างสบายอุรา (วานนี้กองทุนซื้อ แมงเม่าขาย) เลยล่ะค่ะ

*แนวทางลงทุนดังกล่าวทำให้ดัชนีวิ่งขึ้นมายืนเหนือ 1,520 จุดอีกรอบ และกำลังพยายามสร้างฐานแนวรับให้แน่นปึ้กกว่าครั้งก่อน โดยอาศัยปัจจัยบวกจากผลงานไตรมาส 4 ปี 63 เป็นตัวขับเคลื่อนแบบนี้ “โมนิก้า” ไม่กังวลกับอาการ “ฮาร์ดแลนดิ้ง” ที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย เพราะมีตัวแปรบางอย่างคอยซัพพอร์ตแบบห่าง ๆ และเรื่องนี้จะมีเอฟเฟ็กต์มาก ๆ หากผลงานออกมาดีเหมือนที่คาดการณ์ไว้นะจ๊ะ

*อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” มีอาการระริกระรี้มากเป็นพิเศษในช่วงนี้คือ ท่าทีของบริษัทจดทะเบียนพร้อมจัดเต็มเกี่ยวกับนโยบายปันผล ซึ่งเป็นภาพที่บอกเป็นนัยให้รู้ว่า ซื้อเพื่อรับปันผลก็ดี..ซื้อเพื่อเก็งกำไรก็ดี..หรือจะซื้อเพื่ออะไรก็ดีทั้งนั้น เพราะเรื่องดี ๆ กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ และควรระลึกไว้ว่า การขึ้นของหุ้นไม่ควรหวือหวามากเกินไป เพราะจะทำให้การยืนปิดที่ 1,522.59 จุด บวกไป 12.46 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.76 หมื่นล้านบาทไม่แข็งแรงเจ้าค่ะ

*เหมือนกับการย่อตัวของหุ้น PTT สามวันต่อเนื่องในเที่ยวนี้ ก็เป็นช็อตของการขายเพื่อโยกเงินธรรมดา ๆ “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เพราะเมื่อดูแวลูในปี 64 จะเห็นว่า ยังมีแก๊ปให้เล่นพอสมควร และการลงมาปิดที่ระดับ 41 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.42 พันล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสของการทยอยสะสม โดยเฉพาะตรงบริเวณเส้นแนวรับ 39 บาท ถือเป็นช็อตที่น่าสนใจมาก ๆ เจ้าค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น PTTGC ขึ้นมาในทันที เพราะแพตเทิร์นของหุ้นมาในแนวทรุด 3 วันติด จนวานนี้เด้งขึ้นมาปิดที่ 63.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 พันล้านบาท โดยมีจุดวัดใจอยู่ที่แนวต้านเก่าบริเวณ 65 บาท เดี๊ยนถึงมองการแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อรอข่าวดีมากกว่ามุมอื่น จึงอยากให้แฟนพันธุ์แท้ตามเชียร์กันเอาเองนะคะ

*ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องชอบลุ้นกันทั้งที คงต้องมองไปที่หุ้นถ่านหิน BANPU สักกะหน่อย ! เพราะในช่วงที่หุ้นทรุดฮวบจากระดับ 11.50 บาท จนลงมายืนที่บริเวณ 9.50 บาท ก็มาจากความกังวลราคาถ่านหินในตลาดโลกเริ่มลง แต่ไป ๆ มา ๆ ราคาหุ้นก็พุ่งพรวดขึ้นมายืนปิดที่ 10.80 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 9.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.48 พันล้านบาทเสียอย่างนั้น เดี๊ยนเลยงงเป็นไก่ตาแตกว่า แค่อาทิตย์เดียวทุกอย่างเปลี่ยนเร็วเพียงนี้เลยเหรอ ?

*ช็อตดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาเม้าท์ถึงหุ้นเล็กเคาะกระจายอย่างเช่น W เพื่อเป็นการเบิกร่องความมันแบบไร้ขีดจำกัด หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 0.30 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 15.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 237 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า การกลับมาเที่ยวนี้..ไม่ได้มาเล่น ๆ และน่าจะมีช็อตที่ทำให้แมงเม่าได้ตื่นเต้นกันอีกพักใหญ่เลยพะยะค่ะ

*เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันกลับมามองหุ้น RT หลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.02 บาท บวกไป 0.09 บาท บวกไป 4.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 120 ล้านบาท พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นในใจว่า เที่ยวนี้จะไปถึง 2.20 บาทไหม ? เดี๊ยนจึงขอตอบกลับไปโดยไม่ต้องประเมินอะไรให้เสียเวลาว่า ไปถึงชัวร์ ! เพราะมองแค่ในมุมของพี/อี 8 เท่า บวกกับเป็นหุ้นเจาะอุโมงค์หนึ่งเดียวในไทย เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่า พื้นฐานแกร่ง..หุ้นไปโลดแน่ ๆ..อิอิอิ

*อีกหนึ่งรายที่น่าจับตาสุด ๆ ในเที่ยวนี้ ต้องมองไปที่หุ้น JR เพื่อชี้ให้เห็นการเติบโตสวนกระแสโควิดมาจากฝีมือของ “พี่ใหญ่” ล้วน ๆ บวกกับมีบทวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมายอยู่ในระดับ 12-13 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 8.25 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท น่าจะเป็นปฐมบทของการเล่นรอบใหม่อย่างจริงจัง โดยทีเด็ดของเที่ยวนี้อยู่หลังจากวันที่หลุดแคช 22 ม.ค. นะจะบอกให้

Back to top button