รัฐเจ้านายแจกเอาบุญ
แจกเงินอย่างไรให้ถูกด่า? ต้องศึกษารัฐบาลประยุทธ์ ช่างมีความสามารถสุด ๆ ในการแจกเงินแล้วได้รับเสียงสรรเสริญถึงโคตรเหง้าบิดามารดา
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
แจกเงินอย่างไรให้ถูกด่า? ต้องศึกษารัฐบาลประยุทธ์ ช่างมีความสามารถสุด ๆ ในการแจกเงินแล้วได้รับเสียงสรรเสริญถึงโคตรเหง้าบิดามารดา
ประชาชนกำลังลำบาก เงิน 7,000 บาทเป็นโอกาสลืมตาอ้าปาก รัฐบาลกลับคิดมาก อยากยิงปืนนัดเดียวได้นกสามสี่ตัว ทั้งแจกเงินหาคะแนนนิยม ทั้งสนับสนุนสังคมไร้เงินสด ทั้งมุ่งให้ใช้จ่ายผ่านร้านค้าย่อย แถมเป้าหมายศีลธรรมห้ามเหล้าเบียร์ ใช้จ่ายพอเพียง เอาไปอาทิตย์ละพัน
ซ้ำร้าย ยังบอกว่าสมาร์ตโฟนสมัยนี้ไม่แพง คนไม่มีโทรศัพท์น่าจะไม่เยอะ เป้าหมาย 31 ล้านคน ถ้าไม่มีโทรศัพท์สัก 2 ล้านคน ก็แสดงว่า 90% ได้ประโยชน์ไปแล้ว ที่เหลือ 2 ล้านคนค่อยมาดูแล
ก็เลยได้นกตัวที่ห้า โดนก่นด่าขรม เทคโนแครตข้าราชการบนหอคอยงาช้าง ไม่เข้าใจชีวิตคนจน อันที่จริงคงไม่แค่นั้น เทคโนแครตข้าราชการที่ฉลาด ๆ รู้จักพูดเข้าหูคนเยอะไป
โครงการคนละครึ่งก็เหมือนกัน ก๊อปรัฐบาลอังกฤษอ้างว่าคิดเอง ส่วนที่คิดเองน่าจะเป็นวิธี “แทงหวย” ให้ชิงโชค บางคนตื่นตีสามแย่งกดยังไม่ได้ แล้วคนจนจริงคนไม่มีสมาร์ตโฟนคนแก่ใช้ไม่ค่อยเป็น จะทำอย่างไร แผงลอยไหนไม่ได้คนละครึ่งก็แห้งตาย
แทนที่จะให้สวัสดิการถ้วนหน้า กลับมาสนุกกับการเห็นประชาชนแย่งกันลุ้น เปิดฝาถ้วยให้แทงทีละรอบ ๆ แล้วทวงบุญคุณ ทั้งที่เป็นเงินภาษีของเราเอง
รัฐประยุทธ์ใช้สูตรเดิม ๆ คือวางตนเป็นรัฐเจ้านาย มีบุญคุณ ประชาชนต้องหวังพึ่ง บริหารเศรษฐกิจไร้ประสิทธิภาพ ก็ให้คนหวังพึ่งหวย ไอ้ไข่ ไอ้ส้มฉุน ลอตเตอรี่คู่ 80 พุ่งไป 120 “คนจนหมดประเทศ” ก็ออกบัตรคนจนแจกเงินสาดไปทั่ว คนไม่จนจริงก็ได้ ไม่เคยคัดกรอง
วิกฤติโควิดเกิดจากความหละหลวมของรัฐ ทั้งเวทีมวยทหาร บ่อนพนัน แรงงานต่างชาติ แต่พอเกิดโรคระบาด ประชาชนจำเป็นต้องพึ่งมาตรการรัฐควบคุม ก็ล็อกดาวน์ ใช้ยาแรง ใช้อำนาจเกินเหตุ แล้วโทษประชาชนไม่รับผิดชอบตัวเอง ไม่รับผิดชอบสังคม ทำให้ควบคุมโรคไม่ได้ เช่น ปกปิดไทม์ไลน์ ไม่ลงทะเบียนหมอชนะ มีความผิดติดคุก ติดโควิดจากบ่อนต้องจ่ายค่ารักษาเอง
รัฐเป็นเจ้านาย ต้องเชื่อฟัง ต้องสำนึกบุญคุณ วัคซีนก็เป็นบุญคุณ ถูกตรวจสอบก็โกรธตัวสั่น สั่งเอาผิดร้ายแรง
รัฐประยุทธ์อยู่ยั้งยืนยงด้วยอำนาจรัฐพันลึกเป็นปึกแผ่น รัฐราชการ ทหารตำรวจ กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ อยู่ภายใต้ “มือที่มองเห็น” (เมื่อก่อนคนไม่เห็นเดี๋ยวนี้เห็นคาตา) ซึ่งไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยการเลือกตั้ง หรือแม้แต่ม็อบเป็นล้าน
รัฐประยุทธ์จึงสามารถแบ่งคนเป็นส่วน ๆ ให้หวังพึ่ง หรือหาทางรอดตัวใครตัวมัน ชาวบ้านแทงหวยหวังถูก 30 ล้าน ชาวบ้านแย่งกันกดคนละครึ่ง คนชั้นกลางก็กดจองหุ้น ซื้อหุ้นเดลต้า เล่นบิทคอยน์ ความยุติธรรมหวังพึ่งไม่ได้ก็ไปไล่ล่าลุงพล การเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยก็พึ่งระบบบ้านใหญ่อุปถัมภ์ โดดเดี่ยวคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ทั้งที่คนสนับสนุนอุดมการณ์รัฐจริง ๆ มีแค่หยิบมือ แต่คนส่วนใหญ่กลัวอำนาจ
สถานการณ์อย่างนี้จึงเป็นอย่างที่ ส.ว.ตู่ตั้งเย้ยหยันว่า ประชาชนไม่สนใจการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านหรอก คนห่วงปากท้องกลัวอดตายมากกว่า แต่มันไม่ใช่ประชาชนนิยมรัฐบาล แค่รู้สึกว่าฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้ วิถีประชาธิปไตยเปลี่ยนรัฐบาลไม่ได้ ม็อบก็ยังไล่รัฐบาลไม่ได้ จำเป็นต้องทนต่อไปเอาปากท้องไว้ก่อน
ทฤษฎีกบต้มก็เป็นอย่างนี้ จนวันหนึ่งที่น้ำเดือดปุบปับ ทุกอย่างพังพินาศพร้อมกัน เพียงแต่ยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จุดนั้นจะมาถึงในไม่กี่วันหรือไม่กี่ปี แต่วิบัติเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ