ปอบสำแดงฤทธิ์โมนิก้าและทีมงาน

*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับท่าทีของเหล่าบรรดาโบรกเกอร์สักเท่าไหร่ แต่ที่นำเรื่องดังกล่าวมาจั่วหัวตัวเบ้อเริ่ม เพื่อให้แฟนคลับเข้าใจถึงเหตุผลที่ทำให้ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,379.32 จุด บวกไป 7.92 จุด ด้วยมูลค่า 3.57 หมื่นล้านบาท มันเกิดจากแรงเก็งกำไรของพวกปอบผีฟ้า พร้อมกับข้ออ้างเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรม มันเป็นเพียงคำอธิบายหยาบๆ ที่เห็นกันมาแล้วหลายรอบนะจ๊ะ


*จริงๆ “โมนิก้า” ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับท่าทีของเหล่าบรรดาโบรกเกอร์สักเท่าไหร่ แต่ที่นำเรื่องดังกล่าวมาจั่วหัวตัวเบ้อเริ่ม เพื่อให้แฟนคลับเข้าใจถึงเหตุผลที่ทำให้ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,379.32 จุด บวกไป 7.92 จุด ด้วยมูลค่า 3.57 หมื่นล้านบาท มันเกิดจากแรงเก็งกำไรของพวกปอบผีฟ้า พร้อมกับข้ออ้างเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรม มันเป็นเพียงคำอธิบายหยาบๆ ที่เห็นกันมาแล้วหลายรอบนะจ๊ะ

*วันนี้ถึงต้องโฟกัสประเด็นดังกล่าวว่าใช่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกคนหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นหรือเปล่า? หากไม่ใช่จุดเปลี่ยนเหมือนกับที่หลายคนคาดคิด วันนี้ยังจะกระโจนเข้าใส่หุ้นบลูชิพต่อไปไหม?  “โมนิก้า” ถึงไม่เคยเชื่อว่า การขึ้นของหุ้นในช่วงหลังๆ มาจากปัจจัยพื้นฐาน เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้เป็นเพียงแค่เรื่อง money game ซึ่งเป็นลักษณะใครไวกว่าได้เปรียบพะยะค่ะ

*สำหรับในรายของ KTB มองในมุมของหุ้นที่สนองการเมืองได้โดดเด่นสุด “โมนิก้า” คิดว่า ไม่มีหุ้นตัวไหนไหลลื่นได้ดีเท่ากับหุ้นตัวนี้อีกแล้ว และทุกครั้งที่มีการพูดถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อความคล่องตัวของธุรกิจ หุ้นตัวนี้มักได้รับอานิสงส์โดยตรงเป็นประจำ ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 18.20 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะของการเล่นสั้นๆ ตามน้ำ ไม่มีอะไรต้องวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งหรอกค่ะ

*เหมือนกับในรายของ ASEFA หากดูตามเนื้อผ้าจะเห็นว่า หุ้นยังคงต้วมเตี้ยมอยู่แถว 4.50-5.00 บาท ทั้งที่ตอนเสนอขายIPO ให้ราคาไว้ที่ 3.70 บาท “โมนิก้า” ถึงมองว่า หุ้นตัวนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ เพราะราคาเป้าหมายที่พวกกูรูให้ไว้มันสูงกว่านี้ค่อนข้างเยอะ และดูเหมือนพวกนกรู้จะรับทราบถึงความเป็นไปดังกล่าว จึงเข้ามาไล่เก็บหุ้นอย่างเมามัน จนหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 4.94 บาท บวกไป 0.38 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 430 ล้านบาทไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CSS มีสตอรี่เกี่ยวกับการเติบโตเป็นทุนเดิม ผสมผสานกับความคืบหน้าของเรื่อง 4G เข้ามาเป็นแรงหนุน หุ้นถึงขยับขึ้นอย่างช้าๆ เป็นลำดับ ล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 5.15 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 156 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสเต็ปการขึ้นแบบมั่นคง ไม่รีบร้อนจนเกินไป จนทำให้ฐานแนวรับที่บริเวณ 5 บาทแน่นขึ้นอย่างนี้ น่าจะหาจังหวะทยอยสะสมไว้ในพอร์ต เพราะโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าสูงถึง 8 บาทนะคะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ทีไร อยากให้แฟนคลับหันไปมอง RS เพื่อเปิดทางเลือกใหม่ๆ ให้กับตัวเองเสียบ้าง หลังนักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมาย 13.10 บาท บวกกับเรตติ้งของช่องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมาปิดที่ 11.70 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 152 ล้านบาท น่าจะเป็นแค่การ sample เพื่อทำให้นักเล่นรู้ว่า หุ้นตัวนี้ยังมีแก๊ปให้ขยับขึ้นอีกนะจ๊ะ

*ส่วนในรายของ ITD เห็นราคาหุ้นขยับขึ้นทีไร ก็มาด้วยความเชื่อเรื่องโครงการต่างๆ จะทำเงินเป็นประจำ แต่สุดท้ายก็แห้วรับประทานไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ล่าสุดหุ้นวิ่งกลับขึ้นมาปิดที่ 8 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 795 ล้านบาท “โมนิก้า” กลับเห็นต่างจากคนอื่นๆ และมองการขยับเที่ยวนี้เป็นเพียงการเล่นรอบธรรมดา เพราะก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง หุ้นก็วิ่งอยู่ในระดับ 6.50-8.50 บาท..รอบนี้ก็ไม่น่าต่างจากรอบที่แล้วนะคะ

*เช่นเดียวกับน้องมิล MILL จู่ๆ กระชากขึ้นมาปิดที่ 1.88 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับรายข้างต้น เพราะตั้งแต่ต้นปีเกิดเหตุการณ์ดันกันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู 4 ครั้งด้วยกัน ซึ่งเป็นวงรอบที่เกิดจากระดับ 1.60-2.10 บาทเป็นส่วนใหญ่ เดี๊ยนถึงสังหรณ์ใจว่า น่าจะซ้ำรอยเดิมนะจะบอกให้

*เมื่อตลาดขาดหุ้นตัวหลักไว้เล่นอย่างจริงจัง หุ้นขนาดเล็กถึงโผล่ขึ้นมาให้เห็นเยอะแยะไปหมด และวานนี้ก็เป็นการกลับเข้ามาเล่น CPR หุ้นชิ้นส่วนยานยนต์ที่มาแรงสุดในยุคนี้ เหตุผลของการเล่นเที่ยวนี้ ไม่ต้องไปสืบค้นให้เสียเวลา ขนาดค่า P/E ปาเข้าไป 30 เท่า พระเดชพระคุณทั้งหลายยังเข้าไล่กันอย่างเมามัน จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.35 บาท บวกไป 0.95 บาท หรือ 11.30% ด้วยมูลค่า 1.11 พันล้านบาท..มันใช่ของจริงอะป่าว!

*ด้วยตรรกะดังกล่าวทำให้ UPA ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมนุษย์ไฟฟ้าที่มีโปรเจ็กต์สร้างโรงไฟฟ้า 500 เมกะวัตต์ในมือ ถูกตั้งคำถามเป็นประจำว่า ถึงจุดคุ้มทุนเมื่อไหร่? แต่ในขณะเดียวกันกลับมีกองเชียร์เข้ามาช้อนหุ้นไว้บ้าง ไล่ราคาหุ้นบ้าง จนวานนี้เห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 1.81 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 190 ล้านบาท อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า หุ้นตัวนี้ยังมีอะไรดีซ่อนไว้บ้างแหละ

*เม้าท์ถึงของดีทีไร “โมนิก้า” ชอบหันมามองหุ้นฮอตฮิตประจำวัน ซึ่งคราวนี้ตกเป็นของ BSM ว่ากันว่า โปรเจ็กต์ที่เตรียมแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเที่ยวนี้ มันเป็นแค่น้ำจิ้มที่ทำให้แฟนคลับได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปทีละขั้น จึงต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อยๆ และห้ามละสายตาเป็นอันขาด ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.77 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่า 130 บาท มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นขาขึ้นรอบใหม่นะจะบอกให้

Back to top button