พม่าแทงใจ

ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

รัฐประหารพม่าทำให้เกิดอารมณ์ร่วม ทหารทำประเทศถอยหลังอีกแล้ว เลือกตั้งเสร็จกำลังจะประชุมสภา ก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยึดอำนาจ อ้างว่าพรรค NLD โกงเลือกตั้ง

โกงเลือกตั้งทำไมไม่ร้องศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรค NLD ตัดสิทธิเลือกตั้งอองซานซูจีวัย 75 กับบรรดาแกนนำสักสิบปี

อ้อ รัฐธรรมนูญพม่ายังไม่เนียนเหมือนประเทศพ่อบุญธรรมมินอ่องลาย ฮุนเซนรู้จักใช้ศาลยุบพรรคฝ่ายค้านแล้ว พม่ายังยึดอำนาจดิบ ๆ อยู่

อันที่จริงรัฐธรรมนูญพม่า 2008 ก็ล็อกอำนาจไว้ ให้ ส.ส. 25% มาจากทหาร รัฐมนตรีกลาโหม มหาดไทย กิจการชายแดน เป็นโควตาทหาร รองประธานาธิบดีที่มาจากทหารสามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยึดอำนาจคืนกองทัพอย่างที่เห็น อ้างว่าเป็น “รัฐประหารใต้รัฐธรรมนูญ”

ทหารพม่ายังประกาศยึดอำนาจแค่ 1 ปี “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” คนไทยฟังแล้วฮาครืน

เพราะรู้ทันว่าทหารคงใช้วิธีอย่างใดอย่างหนึ่งตัดสิทธิพรรค NLD แล้วลงเลือกตั้งเอง สืบทอดอำนาจโดยอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ถ้ายังไม่พร้อม ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะชนะ ก็คงเลื่อนไปเรื่อย

รัฐประหารพม่าเลยเสียดแทงใจรัฐบาลเพื่อนบ้านอย่างช่วยไม่ได้ ถูกเปรียบเทียบครึกครื้น จนต้องแก้ต่างพัลวัน แต่จะแก้ต่างให้รัฐประหารพม่าก็ลิ้นคับปาก พากันอ้างไปเรื่อยอย่าวิจารณ์มากจะกระทบความสัมพันธ์

ครั้นแรงงานพม่าไปประท้วงหน้าสถานทูต โดยม็อบราษฎร กลุ่ม WeVo ร่วมด้วย ตำรวจก็ใช้กำลังเข้าสลาย โดยหลังแจ้งเตือนก่อนครึ่งชั่วโมง ถึงเวลาก็ดาหน้าเข้ามาใช้กระบองทันที พอเกิดการปะทะไม่ยอมให้ทุบฝ่ายเดียวก็อ้างว่าประทุษร้ายตำรวจ จับ WeVo ไป 3 คน พร้อมจับประชาชนที่แจกน้ำดื่มข้อหาขัดขวางจราจร

ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะไม่อยากให้ประท้วงรัฐประหารพม่า หรือเพราะตำรวจเห็น WeVo แล้วหน้ามืด ครั้งก่อนแค่ “ย่างกุ้ง” สนามหลวงก็รี่เข้ามาตะลุมบอน ครั้งนี้คงคิดว่าเกี่ยวกับ “ย่างกุ้ง” เหมือนกัน

แต่ภาพที่ออกไปคือ ขณะที่ UN ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกประณามรัฐประหารพม่า ไทยเป็นประเทศเดียวที่ปราบคนประท้วง

อ้างว่ากระทบความสัมพันธ์ ทำไมอุ๊ไปประท้วงสถานทูตสหรัฐฯ ได้ ความสัมพันธ์เป็นเรื่องรัฐต่อรัฐ ไม่เกี่ยวกับเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน

อันที่จริงนี่เป็นท่าทีของประเทศอาเซียนอยู่แล้ว จนคนรุ่นใหม่ขึ้นทวิตเตอร์ #โสมมประชาคมอาเซียน คือเป็นกลุ่มประเทศตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างละเมิดสิทธิมนุษยชน คบกันเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจและชนชั้นนำ

แต่ประเทศไทยมีสองชั้น ทั้งมีจุดร่วมทางการเมือง หัวอกเดียวกัน รัฐประหารพม่าถูกเปรียบเปรยเย้ยหยันก็ร้อนท้องไปด้วย เช่น ทหารพม่าทำไมมักน้อยจัง ขอโควตา ส.ส.แค่ 25% ถ้าตั้ง 250 คนมาโหวตเลือกประธานาธิบดี ก็ไม่ต้องรัฐประหาร

ขณะที่ด้านผลประโยชน์ก็ไม่ใช่ย่อย เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พม่าเพิ่งยกเลิกสัญญาท่าเรือน้ำลึกทวาย กับอิตาเลียนไทย โดยอ้างประชาชนร้องเรียนเรื่องการไล่ที่และสิ่งแวดล้อม นี่เป็นอภิมหาโปรเจกต์ที่ตกทอดจากยุครัฐบาลทหารพม่า (และเป็นความหวังของรัฐบาลไทย) จึงมีคนสงสัยว่าพรรค NLD เหยียบเท้าทหารหรือเปล่า

รังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล ก็เผยว่า รัฐวิสาหกิจด้านผลิตกระแสไฟฟ้าของจีน กำลังทำโครงการผันน้ำยวม น้ำเมย ชายแดนไทยพม่า มูลค่า 110,000 ล้านบาท เป็นดีลสามชาติ ที่น่าจับตา เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเป็นทหารพม่า ซึ่งคุยกันง่ายกว่าทั้งไทยทั้งจีน

ไทยกับพม่า ส่วนใหญ่มีผลประโยชน์กันผ่านรัฐบาลทหาร ภาคธุรกิจก็เกาะแข้งเกาะขาทหารไปหากินข้ามแดน ดังนั้นในกระแสที่ทั้งโลกกำลังประณาม ก็เก็บอาการหน่อย อย่าปกป้องจนเกินไป

เดี๋ยวจะถูกจับตาว่า ไม่ใช่แค่ทำรัฐประหารมาเหมือนกัน แต่ยังมีผลประโยชน์จากรัฐประหารด้วย