ตลาดกระทิงของหุ้นเอเชีย

คำอธิบายง่ายสุดของภาวะกระทิงในตลาดหุ้นเอเชียยามนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าฟันด์โฟลว์ไหลเข้าสังเกตได้จากการแข็งค่าของสกุลเงินท้องถิ่น รวมทั้งค่าเงินบาทของไทยด้วย ส่วนคำอธิบายอื่นคงเป็นเรื่องปลีกย่อย


พลวัตปี 2021 : วิษณุ โชลิตกุล

คำอธิบายง่ายสุดของภาวะกระทิงในตลาดหุ้นเอเชียยามนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าฟันด์โฟลว์ไหลเข้าสังเกตได้จากการแข็งค่าของสกุลเงินท้องถิ่น รวมทั้งค่าเงินบาทของไทยด้วย ส่วนคำอธิบายอื่นคงเป็นเรื่องปลีกย่อย

ตลาดหุ้นอินเดีย : ดัชนี Sensex เปิดพุ่งกว่า 400 จุด ขานรับแบงก์ชาติหนุนเศรษฐกิจ แต่การที่ดัชนีทำนิวไฮตลอดสองสัปดาห์ และวอลุ่มซื้อขายหนาแน่นมากมาย ต้องการคำอธิบายมากกว่าปกติ

คำอธิบายอย่างหยาบ ๆ คือ ดัชนี Sensex ยังคงได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางอินเดียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมกับย้ำจุดยืนในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

หลังจากที่ ธนาคารกลางอินเดียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Repo rate) ที่ระดับ 4% ในการประชุมเมื่อวันศุกร์ และคงอัตราดอกเบี้ย Reverse repo ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ ที่ระดับ 3.35% โดยมติการประชุมดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

อัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงของธนาคารกลาง สะท้อนถึงความต้องการสินเชื่อในตลาดการเงินยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ไม่ต่ำติดพื้นเหมือนในชาติหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินเดียย้ำว่าจะยังคงสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่าสภาพคล่องสกุลเงินรูปีในระบบธนาคารจะมีเพียงพอต่อความต้องการ

ตลาดหุ้นโตเกียว : นิกเกอิปิดพุ่งที่จุดสูงสุดในรอบ 30 ปี  โดยที่ได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว หลังจากสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 29,388.50 จุด พุ่งขึ้น 609.31 จุด หรือ +2.12% โดยดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 2533 เลยทีเดียว

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้นำโดยหุ้นกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มขนส่งทางทะเล

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การจ้างงานในสหรัฐฯ จะกลับมาขยายตัวได้เต็มที่อีกครั้งในปี 2565 หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้อนุมัติร่างงบประมาณ ซึ่งจะเปิดทางให้พรรคเดโมแครตสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนผ่านสภาคองเกรสได้โดยไม่ต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คาดว่า กฎหมายเยียวยาผลกระทบของโรคโควิด-19 อาจจะผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสได้ก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนั้น จะหมดอายุลง

ข่าวดีจากทั้งสองตลาด ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ เป็นขาขึ้นกับเกือบถ้วนหน้า แม้จะมีคำอธิบายว่า เป็นไปตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 ก.พ.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในปีนี้ หลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักวิเคราะห์สาย “โลกสวย” ยังคงเชื่อมั่นกับการ คาดว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ในเอเชียอาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน จะได้รับอานิสงส์หลังเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว

นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน สถานการณ์โควิดที่คลี่คลายลง และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนยังเป็นปัจจัยหนุนการซื้อขายในตลาดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ตลาดบางแห่งยังจับตาหลังสื่อรายงานว่า สำนักงานควบคุมกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐของจีน (SAMR) เปิดเผยแนวทางใหม่เกี่ยวกับมาตรการต่อต้านการผูกขาดตลาด โดยพุ่งเป้าไปที่บริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต พร้อมกับเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการที่ปัจจุบันใช้กับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศ

กฎระเบียบฉบับใหม่นี้จะส่งผลให้ร่างกฎหมายต่อต้านการผูกขาดที่มีการประกาศออกมาเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้วเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับคำจำกัดความของการผูกขาดซึ่งอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่จะถูกปราบปรามในครั้งนี้

ที่แน่นอนข่าวดีเช่นนี้ ส่งผลให้หุ้นที่ระดมทุนใหม่ในตลาดเอเชียได้รับอานิสงส์กันทั่วหน้าท่ามกลางความกังวลของบรรดานักวิเคราะห์พื้นฐานที่มองว่าค่าพี/อีของตลาดหุ้นเอเชียสูงเป็นสถิติใหม่ที่เข้าข่ายเกินจริงมากมายขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าตื่นตระหนก

สำหรับดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้น่าจะแกว่งตัวในลักษณะไซด์เวย์ขาขึ้นระหว่างรอผลการเข้าเทรดวันแรกของหุ้นยักษ์ใหญ่ที่รอคอยกันมายาวนานอย่าง OR ที่ต้นสัปดาห์หน้าจะเข้าเทรดจริงจังเสียที

ด้วยราคา IPO ที่ค่อนข้างต่ำแค่ 18 บาทจากราคาพาร์ที่ 10 บาท น่าจะส่งผลให้ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าและตลอดเดือนกุมภาพันธ์ มีความร้อนแรงและคึกคักอย่างมาก แต่จะเป็นขาขึ้นแบบกระทิงหรือไม่ตามแบบหุ้นอินเดียและญี่ปุ่น ต้องติดตามกัน

ภาวะตลาดหุ้นเอเชียในยามนี้ ถือเป็นช่วงเวลาเริงร่าของแมงเม่าระยะสั้นได้ชั่วคราว

Back to top button