เกาะ 1,500 จุดให้มั่น!

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยก่อนหยุดยาวเป็นเหมือนกับที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ก่อนไม่มีผิดเพี้ยน ถึงแม้จะมีหุ้นใหญ่อย่าง OR เข้าเทรดเป็นวันแรกยังไม่สามารถเอาชนะแรงขายที่เข้ามาล้นหลามได้ ทำได้เพียงแค่เป็นเกราะกันดัชนีไม่ลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด แต่เดี๊ยนกลับมองว่าการทรุดลงมาอยู่ที่ 1,508.35  จุด ลบไป 8.59 จุด ด้วยมูลค่า 1.06 แสนล้านบาท กลับทำให้หุ้นหลายตัวกลับมามีอัพไซด์ที่เปิดกว้างขึ้น หลังก่อนหน้านี้ราคาหุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงต้องลงมาพักตัวเข้าตามตำราที่เขาว่าเอาไว้ และเชื่อเหลือเกินว่าการย่อตัวครั้งนี้เป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสมหุ้น

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” มีความมั่นใจสุดติ่งกระดิ่งแมว มันมาจากเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมาทุกครั้งที่ดัชนีปรับตัวลงหนักมักจะดีดกลับมา และสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมทุกครั้ง และในเที่ยวนี้มีเป้าท้ายปีที่ 1,550 จุด คอยอยู่ แม้ในบางจังหวะจะทรุดตัวลงไปลึก แต่ก็เด้งกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในบริเวณ 1,470 – 1,500 จุด อยู่เป็นประจำ มันเหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าหุ้นลงควรต้องรีบซื้อเจ้าค่ะ

*หากถามถึงปัจจัยหนุนด้านพื้นฐาน “เดี๊ยน” ยังยืนยันว่าทิศทางต่อจากนี้ยังเป็นจุดที่น่าเข้าไปเสี่ยง เพราะหุ้นหลาย ๆ ตัวเริ่มทยอยประกาศกำไรไตรมาส 4 ออกมา และเป็นเทศกาลของการแจกปันผล ทำให้มีหุ้นปันผลหลายตัวที่ให้เลือกซื้อก่อนขึ้น XD ดังนั้นการอ่อนตัวลงมารอบนี้ มันเป็นการเขย่าขวัญเพื่อทำให้พวกจิตอ่อนยอมคายของออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เห็นได้เป็นประจำเจ้าค่ะ

*เห็นได้ชัดจากกรณีของหุ้น OR บรรดาแมงเม่าที่ใจไม่แข็งพอต่างรีบเทขายหุ้น OR ออกมาในช่วงเช้าคงต้องใช้การสะกดจิตตัวเองให้ไม่รู้สึกเสียดายสักหน่อย เพราะถือเป็นการขายหมูเมื่อหุ้นท้ายตลาดดันขึ้นมาปิดที่ 29.25 บวกไป 11.25 บาท หรือ 62.50% ด้วยมูลค่าสูงถึง 4.74 หมื่นล้านบาท “เดี๊ยน” มองว่าหากหุ้นตัวนี้อ่อนตัวลงมาเมื่อไหร่จะมีคนคอยรับเพียบ แต่หากจะเลือกเล่นหุ้นถือในระยะยาวจะต้องมองกันที่อนาคตของธุรกิจ เพราะหุ้นจะไปหรือไม่ไปมันอยู่ที่ผลของงานออกมาในระดับไหน หากบริษัทยังทำผลงานได้ดีก็จะทำให้หุ้นไปต่อยาวแน่นอนเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ AI ดีดกลับขึ้นมาปิดที่ 2.46 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือ 2.50% ด้วยมูลค่า 109.25 ล้านบาท จากผลงานงวด 9 เดือนของปี 63 เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนมากมาย มันเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องจับตามองกันให้ดี หากกำไรไตรมาส 4 ออกมาดีตามที่คาดไว้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าพี่เขาไม่ได้มาเล่น ๆ! ยิ่งถ้ามองในแง่ของอัตราการจ่ายปันผลยิ่งบิ้วด์อารมณ์ให้เข้าเก็บ งานนี้ใครอยากได้หุ้นดีราคาถูกให้รีบเก็บของทราบแล้วเปลี่ยน!

*มากันที่หุ้นเล่นสั้นอย่าง GGC ที่ถูกเก็งกำไรตั้งแต่ไก่โห่หลังโชว์กำไรปี 63 โตกระหึ่ม 5 เท่าตัว แตะระดับ 560 ล้านบาท ทำเอาหุ้นวิ่งหน้าตั้งขึ้นไปสูงสุดที่ 10.90 บาท นิวไฮรอบเกือบ 1 ปี ก่อนจะมาลงเอยที่ระดับ 10.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.91% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101 ล้านบาท แถมยังมีปันผลอีก 0.35 บาท ครั้งนี้ “โมนิก้า” ขอบอกว่าต้องตามไปดูกันยาว ๆ เจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ IP นักเล่นยังคงเคลิบเคลิ้มไปกับความหวังเรื่องธุรกิจกัญชง ที่ถือว่าเป็นสตอรี่มาแรงเหลือเกินในช่วงนี้ จนราคาหุ้นพุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 22.90 บาท บวกไป 2.60 บาท หรือขึ้นไป 12.81% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 137.47 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่เมื่อหันมามองราคาเป้าหมายบวกกับ P/E ที่พุ่งไปเจียนจะ 70 เท่า มันควรตามไปเล่นหรือเปล่าเจ้าคะ?

*มาดูหุ้นตลาด mai อย่าง PJW ราคาหุ้นแรลลี่ยาว ล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 2.22 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 3.74% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 28.74 ล้านบาท  ทำนิวไฮในรอบเกือบ 3 ปี หลังหัวเรือใหญ่ออกมาปักธงปีนี้ยอดขายโต ทำให้ราคาหุ้นทะยานแรงต่อเนื่อง โดยรอบนี้มีกรอบราคาที่ระดับ 2.30-2.40 บาท เป็นเป้าหมายให้ขึ้นไปทดสอบกันอีกครั้ง ใครใจถึงใส่เกียร์เดินหน้าได้เลยเจ้าค่ะ

*ในรายของ RBF เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 13.70 บาท บวกไป 0.40บาท หรือขึ้นไป 3.01% ด้วยมูลค่า 99.87 ล้านบาท แบบไม่หวั่นติดคุก Cash Balance แถมสัญญาณเทคนิคยังแข็งแกร่ง “โมนิก้า” มองว่าตอนนี้ราคาหุ้นกำลังสร้างฐานใหม่ หากสามารถทะลุแนวต้านบริเวณ 14 บาท ไปได้จะมีโอกาสไปต่อสูง และเมื่อว่ากันด้วยเรื่องพื้นฐาน ผลประกอบการก็ยังมีแววสดใส งานนี้ลุยต่อได้ยาว ๆ เจ้าค่ะ