เริ่มขายทำกำไร!
*ทุกวันนี้ “โมนิก้า” ยังคงอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลาย เพราะข่าวสารที่ไหลเข้ามาในแต่ละวันทำให้เลือดลมในร่างกายอันบอบบางสูบฉีดดีเหลือเกิน จึงไม่เคยยึดติดว่า ใครทำอะไรไว้บ้าง?..ใครเป็นอย่างไร? เพราะสุดท้ายกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวของมันเอง เดี๊ยนถึงมองทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือบทเรียนสอนใจให้รู้ว่า อะไรควร..อะไรมิควร ไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ทุกวันนี้ “โมนิก้า” ยังคงอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลาย เพราะข่าวสารที่ไหลเข้ามาในแต่ละวันทำให้เลือดลมในร่างกายอันบอบบางสูบฉีดดีเหลือเกิน จึงไม่เคยยึดติดว่า ใครทำอะไรไว้บ้าง?..ใครเป็นอย่างไร? เพราะสุดท้ายกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวของมันเอง เดี๊ยนถึงมองทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือบทเรียนสอนใจให้รู้ว่า อะไรควร..อะไรมิควร ไงล่ะคะ
*ฉะนั้นอย่าทำให้ “โมนิก้า” ต้องสวมบทเป็นนังร้ายเหมือนในซีรีย์เกาหลีกันอีกเลย เพราะทุกวันนี้แทบจะไม่มีผู้เดินเข้ามาหาเพื่อขายขนมจีบแล้วนะ! จึงหวังว่า พวกกะเลวกะลาดอย่าทำให้อีโมของขึ้นอีกเลย เพราะมีอีกหลายประเด็นที่โลกตลาดทุนต้องรู้เช่นเห็นชาติ เพียงแต่วันนี้ไม่อยากกางเอกสารต่าง ๆ ก่อนเวลาอันควร และหน่วยงานที่เป็นเสาหลักของตลาดหุ้นอย่าง ก.ล.ต. และ ตลท. ก็คงรู้ว่า น้องโมจิตใจโอบอ้อมอารีขนาดไหน?..อิอิอิ
*วันนี้ถึงมีพวกพ้องน้องพี่เม้าท์เรื่องชาวบ้านให้ฟังเป็นประจำ แต่เดี๊ยนไม่ได้สนใจเรื่องดังกล่าวมากนักหรอก เพราะวันนี้อยากเม้าท์เรื่องบรรยากาศการลงทุนมากกว่า หลังดัชนีย่อตัวลงมาปิดที่ 1,534.11 จุด ลบไป 9.29 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มีมากถึง 1.08 แสนล้านบาท มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า เริ่มมีการขายทำกำไรในหุ้นบลูชิพที่ขึ้นมาแรงแล้วนะจ๊ะ
*นั่นหมายความว่า ตลาดหุ้นกำลังเจอการทดสอบ เพื่อหายกฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับการลงทุนหลังจากนี้ เพราะวันนี้จะได้รู้กันเสียทีว่า ฐานเดิมที่แน่น ๆ บริเวณ 1,500 จุดยังไว้ใจได้หรือเปล่า? รวมทั้งการสร้างฐานใหม่ที่บริเวณ 1,515 จุด มีความเป็นไปได้ขนาดไหน? เหล่านี้เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ต้องหันมาสนใจมากขึ้นกว่าเดิม หลังเม็ดเงินในตลาดหุ้นเริ่มสะพัดอีกครั้งน่ะสิ
*ประเด็นนี้ดูได้จากการวิ่งสวนภาวะของหุ้นร้านสะดวกซื้อ CPALL ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 65.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.18 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับประเด็นข้างต้นเต็ม ๆ และเรื่องนี้ก็มองเห็นได้ง่ายมาก ๆ เพราะแค่ดูการใช้ชีวิตของผู้คนที่คึกคักมากขึ้นกว่าเดือนก่อน ก็อนุมานได้ทันทีว่า ผลงานของหุ้นตัวนี้บรรเจิดแน่นอนเจ้าค่ะ
*อีกรายที่บรรเจิดสุด ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SAWAD เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นมาปิดที่ 78.50 บาท บวกไป 6.50 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.71 พันล้านบาท ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด แต่มาเพราะกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พวกกองทุนถึงไล่เก็บหุ้นกันอุตลุด จนหุ้นบวกต่อเนื่อง 4 วันติด พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 1 ปี 3 สัปดาห์ไงล่ะคะ
*ส่วนการทะยานขึ้นของหุ้น BEM เกี่ยวข้องกับการล็อกสเปกหรือเปล่า? อันนี้หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้แน่ ๆ คือการขึ้นมาปิดที่ระดับ 8.55 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท เป็นการบวกต่อสองวันติด และในมุมของการเล่นตามกระแส มันทำให้เชื่อว่า วันนี้จะมีการเคาะขวาแบบชิล ๆ อีกหนึ่งวัน ส่วนจะเป็นจริงขนาดไหน? ต้องติดตามดูกันเอาเองนะคะ
*สำหรับรายที่มาแรงเหนือความคาดหมาย “โมนิก้า” ต้องยกให้กับช่องน้อยสีอย่าง BEC หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ 10.20 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 9.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 806 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 1 ปี 7 เดือน ล้วนมาจากความหวังเรื่อง “เทิร์นอะราวด์” หลังพิธีกรฝีปากกล้าหวนกลับคืนสู่หน้าจออีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่มาจากความคาดหวังล้วน ๆ นะจะบอกให้
*ส่วนรายที่กลับมาแบบงง ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่ NETBAY เพื่อย้ำให้แฟนคลับเห็นว่า การขึ้นมาปิดที่ 28.25 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 11.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 387 ล้านบาท มันเป็นการเทรดบน P/E 33 เท่า น่าจะเป็นช็อตที่เสี่ยงเกินไปสำหรับธุรกิจที่เดินทางมาใกล้จุดอิ่มตัว เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับที่ “คิดช้า ทำช้า” ไตร่ตรองให้ดีก่อนลุยสุดซอยเจ้าค่ะ