พาราสาวะถี
รู้ผลไปแล้วหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ซึ่ง เทพไท เสนพงศ์ อดีตเจ้าของพื้นที่เดิมที่ส่งน้องชายลงชิงชัยประกาศยอมรับความปราชัย คงไม่ต่างจากพรรคต้นสังกัดที่ยอมรับแต่โดยดี ทว่าคำถามที่เกิดขึ้นตามมาคือ ภาพของอริทางการเมืองในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญคือคนกันเองหรือคนในพรรคเก่าแก่ส่วนใหญ่อาจจะเรียกว่าพวกเดียวกันตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 2557 มาจนถึงปัจจุบัน
อรชุน
รู้ผลไปแล้วหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ซึ่ง เทพไท เสนพงศ์ อดีตเจ้าของพื้นที่เดิมที่ส่งน้องชายลงชิงชัยประกาศยอมรับความปราชัย คงไม่ต่างจากพรรคต้นสังกัดที่ยอมรับแต่โดยดี ทว่าคำถามที่เกิดขึ้นตามมาคือ ภาพของอริทางการเมืองในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญคือคนกันเองหรือคนในพรรคเก่าแก่ส่วนใหญ่อาจจะเรียกว่าพวกเดียวกันตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 2557 มาจนถึงปัจจุบัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาคม 2562 จนมาถึงการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 เมืองคอน จะเรียกว่าอยู่ในสภาพ “เพื่อนเราเผาเรือน” หรือไม่ อาจจะถือได้ว่าการรัฐประหารไม่ให้เสียของเที่ยวนี้ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เป้าหลักที่ว่าทำลาย ทักษิณ ชินวัตร ล้างเผ่าพันธุ์พรรคเพื่อไทย กลายเป็นเป้าหลอกไปเสียฉิบ เพราะหลังการเลือกตั้งแผนการที่ได้ดำเนินการกันมาอย่างแยบยลนั้น มันวกกลับมาทำร้ายทำลายพรรคเก่าแก่ไปแบบเต็ม ๆ
ถือเป็นบทเรียนอันเจ็บแสบ ซึ่งความจริงน่าจะคิดได้เมื่อครั้งไปตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารแล้ว นอกจากไม่สง่างามและทำให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลายเป็นอดีตผู้นำประเทศมีตำหนิ ไร้ความสง่างาม จนพยายามจะแก้มือด้วยวิถีทางประชาธิปไตยแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ยังไม่ละเลิกพฤติกรรมอีแอบ ยังคงร่วมหัวจมท้ายอยู่กับกลุ่มอำนาจนิยมหวังจะโค่นล้มระบอบทักษิณที่พวกตัวเองอุปโลกน์กันขึ้นมาให้ได้ จนกระทั่งกระโดดเข้าร่วมวงอย่างเต็มตัวเพื่อกวักมือเรียกคสช.ออกมาในที่สุด
แน่นอนว่า รายทางนับตั้งแต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้เข้าสู่ตำแหน่ง แผนการต่าง ๆ ที่ได้วางไว้นั้น ไม่ได้สอดคล้องเป็นไปอย่างที่คนของพรรคเก่าแก่คาดหวัง แต่เมื่อหลวมตัวไปแล้วมันก็ต้องปล่อยให้เลยตามเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งและพรรคของตัวเองกลายเป็นพรรคต่ำร้อย ส.ส.กทม.ที่เคยได้เป็นกอบเป็นกำไม่เหลือแม้แต่รายเดียว ที่น่าเจ็บใจเป็นอย่างยิ่งคือเก้าอี้ที่สูญเสียไปทั้งหมดนั้น ตกไปอยู่ในมือของพวกที่ตัวเองมองว่าเป็นมหามิตร
อย่างไรก็ตาม เป็นความเจ็บปวดที่ไม่สาหัสสากรรจ์จนทำให้คนของพรรคที่อ้างว่ามีอุดมการณ์และหลักการที่สุดในประเทศได้สำเหนียก ยังคงมองเห็นผลประโยชน์ที่รออยู่เบื้องหน้าว่าด้วยเก้าอี้รัฐมนตรีและความเป็นรัฐบาล โดยหวังว่าจะสามารถสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์เรียกความรัก ความศรัทธาจากบรรดากองเชียร์ในอดีตให้คืนกลับมาได้ดังเดิม แต่ปรากฏว่ายิ่งนานวันยิ่งถูกพวกเดียวกันดูดกลืนและรุกคืบไปยังฐานเสียงอันสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ
จะมองว่าเข้าทำนองหมองูตายเพราะงูก็คงได้ นี่คือผลจากการตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ แต่เมื่อยังไม่รู้สึกตัวและคงร่วมหอลงโรงกันต่อไป ก็คงจะรู้กันแล้วว่าเพราะอะไร จึงเปล่าประโยชน์ที่จะมองไปยังช็อตต่อไปที่ว่า ถ้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำจะส่งผลต่อการอยู่ร่วมรัฐบาลของพรรคเก่าแก่หรือไม่ ตราบใดที่ไม่มีกบฏลุกขึ้นมาปฏิวัติหรือเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงเพื่อเรียกศรัทธาของพรรคให้กลับมา ก็ยากที่คนอย่าง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะตัดสินใจเด็ดขาดเด็ดเดี่ยวต่อการถอนตัวร่วมรัฐบาล
สิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดแรงกระเพื่อมภายในของพรรคเก่าแก่ได้อีกกระทอก คงเป็นการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อเลือกตัวบุคคลที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง ความพ่ายแพ้จากสนามเลือกตั้งซ่อมจะมีผลต่อการจัดวางตัวบุคคลของแต่ละกลุ่มภายในพรรคหรือไม่ ถ้าไม่มีก็มีเรื่องชวนให้คิดต่อว่า แล้วจะมีเสียงเรียกร้องจากต่างพรรคในการที่จะยึดคืนโควตารัฐมนตรีเพราะคะแนนเสียงที่ลดลงของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
ยืนยันมาจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ย้ำหนักแน่นโดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่หักหาญน้ำใจเพื่อน ถ้าเช่นนั้นจะบริหารจัดการกับข้อเรียกร้องของส.ส.ใต้ของพรรคสืบทอดอำนาจอย่างไร จากเดิมมี 13 เก้าอี้ก็เย้ว ๆ ขอตำแหน่งเสนาบดีเพื่อเป็นหน้าเป็นตาและสร้างคะแนนนิยมในพื้นที่ไว้กักตุนรอเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป พอได้มาเติมอีกหนึ่งยิ่งจะเป็นความชอบธรรมมากขึ้นด้วยหรือไม่ เป็นปุจฉาตัวโตที่พี่ใหญ่ต้องบริหารจัดการ
ประสาพรรคที่มีพลังดูดสูงและประสบความสำเร็จในการดึงคะแนนเสียงจากฝ่ายตรงข้ามมาตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เรื่องการจัดการ 14 เสียงส.ส.ในอาณัติของตัวเองคงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่เพียงเท่านั้น ภายในพรรคยังมีการยกหางกันเองระดับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและพี่ใหญ่มีกระแสตอบรับของประชาชนสูงและเรียกเรตติ้งได้ดี ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องไปสร้างฐานเสียงอะไร ใช้แค่สองคนนี้ก็กินขาดแล้ว เติมยุทธวิธีที่ถนัดเข้าไปยังไงเลือกตั้งครั้งหน้านอนมากันแน่นอน
ความเชื่อทางการเมืองเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ หากมั่นใจในศักยภาพกันขนาดนั้น จังหวะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นทางตันทางการเมือง ไม่แน่ว่า เราอาจจะได้เห็นการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่จากที่คาดกันว่าจะอยู่ยาวครบเทอมก็เป็นได้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่จะชิงความได้เปรียบในสถานการณ์ที่ตัวเองได้รับคะแนนนิยมอย่างล้นหลาม ประกอบกับเป็นการแก้ปัญหาชีวิตเรื่องวิกฤติรัฐธรรมนูญ เพราะการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็เท่ากับยังคงเดินบนกติกาที่ตัวเองกุมความได้เปรียบทุกประตู
ขณะที่สถานการณ์ว่าด้วยการชุมนุมของม็อบสารพัดกลุ่ม มาถึงตรงนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลได้เหมือนปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้นแกนนำคนสำคัญยังมาถูกยัดเข้าซังเตเพิ่มเข้าไปอีกล่าสุดเป็นรายของ “ไผ่ ดาวดิน” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก แม้จะมองว่าม็อบไร้แกนนำน่ากลัว แต่การที่ไม่มีหัวคอยสร้างประเด็น จี้จุดตายและเรียกแขกได้เหมือนที่ผ่านมา หนทางของการเคลื่อนไหวมีแต่จะตีบตันลงทุกวัน แต่การเมืองมีอะไรพลิกผันได้ตลอดเวลา ถ้าผ่านพ้นเดือนมีนาคมนี้ไปแบบไม่มีเรื่องเป็นอันว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะหายใจคล่องไปอีกนาน