แลหน้า..แลหลัง..ก่อนลุยโมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ทำให้ “โมนิก้า” ไม่ค่อยมีอารมณ์ไปวิเคราะห์ “เรื่องนั้น เรื่องนี้” ให้เสียเวลาเล่นรอบ เพราะเรื่องทั้งหมดอยู่ในกระแสสังคมเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดเยื้อ ซึ่งเหมือนกับเรื่องที่เคยย้ำให้ฟังเป็นประจำว่า เมื่อดัชนีผ่านกระบวนการพลิกแนวต้านเป็นแนวรับ พร้อมกับย่ำฐานทดสอบแรงเทขายอีกพักใหญ่ๆ ก็จะวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมนะคะ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ทำให้ “โมนิก้า” ไม่ค่อยมีอารมณ์ไปวิเคราะห์ “เรื่องนั้น เรื่องนี้” ให้เสียเวลาเล่นรอบ เพราะเรื่องทั้งหมดอยู่ในกระแสสังคมเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดเยื้อ ซึ่งเหมือนกับเรื่องที่เคยย้ำให้ฟังเป็นประจำว่า เมื่อดัชนีผ่านกระบวนการพลิกแนวต้านเป็นแนวรับ พร้อมกับย่ำฐานทดสอบแรงเทขายอีกพักใหญ่ๆ ก็จะวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมนะคะ
*โดยประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” เชื่อว่า ดัชนีน่าจะขยับขึ้นได้อีกครั้ง ล้วนมาจากการเปิดกองทริกเกอร์ฟันด์ ซึ่งกองทุนกำลังแห่เปิดกันอย่างคึกคัก และดูเหมือนบางเจ้าจะทำผลงานได้ดีกว่าที่คาด จึงปิดกองทุนได้ภายในระยะเวลา 1 เดือนแบบนี้ เดี๊ยนถึงรู้ว่า ตลาดหุ้นยังมีแก๊ปให้ขาลุยได้เล่นอีกหลายยก วันนี้ถึงต้องถามตัวเองอีกครั้งว่า เมื่อดัชนีไม่สามารถขึ้นไปปิดเหนือ 1,400 จุด..สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามหลังมาคืออะไร?
*นี่เป็นข้อมูลที่แฟนคลับรับรู้กันเต็มๆ แต่ยังไม่มีใครให้คำตอบเรื่องดังกล่าวได้สักที แถมข้อมูลล่าสุดจากโบรกเกอร์มีการลดเป้าดัชนีลงมาอยู่แถว 1,360 จุด และให้กรอบด้านบนในช่วงดีสุดอยู่ที่ 1,420 จุด “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่นักเล่นต้องกลับนำไปคิดโดยด่วน เพราะสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะต้องเจอแรงกระเพื่อมจากท่าทีของ FED ในการ “ขึ้น” หรือ “คง” ดอกเบี้ยนะซี
*ด้วยความไม่ชัดเจนของข่าวสารที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนกลุ่มก๊วนต่างๆ ถอยฉากกันเป็นแถว และเป็นเหตุให้ดัชนีทิ้งตัวจากระดับสูงสุดของวันที่ 1,403.30 จุด ลงมาปิดที่ 1,381.72 จุด ลบไป 14.44 จุด ด้วยมูลค่า 4.25 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่วัดกันด้วยความไว ไม่มีความจำเป็นต้องพิจารณาประเด็นอื่นให้เสียอารมณ์ เพราะตลาดหุ้นไทยตั้งอยู่บนความเชื่อมากกว่าความจริงพะยะค่ะ
*ขนาดหุ้นพื้นฐานดีอย่างCPF ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่า ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาเหมาะสมค่อนข้างเยอะ และยังมีทีเด็ดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนเป็นกองหนุน พอเอาเข้าจริงๆ นักเล่นดันเกิดอาการฝ่อให้เห็นเสียอย่างนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ไม่เมคเซ้นส์เอาเสียเลย เพราะของมันเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า ราคาปิดที่ 20.30 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 1.70 พันล้านบาท มันมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งอีกเพียบเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ TRUE ไหลรูดลงมาต่ำกว่าระดับ 10 บาทร่วมเดือน แต่ยังพยายามจะขึ้นมายืนเหนือระดับดังกล่าวตลอดเวลา จนล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 10.20 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือ 4.60% ด้วยมูลค่า 3.30 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะดีดกลับที่อาจผิดเวลาไปนิดหนึ่ง เพราะเมื่อเหลือบดูปัจจัยลบที่รออยู่เบื้องหน้า มันทำให้คนที่เข้าซื้อหุ้นเมื่อวันก่อน เสียวสันหลังวาบเลยนะจ๊ะ
*ส่วนในรายของ JAS อาจเป็นกรณีที่แตกต่างจากคนอื่นนิดหนึ่งตรงที่แรงซื้อมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บวกกับที่ผ่านมามีกองทุนเข้ามาสะสมหุ้นเข้าพอร์ตตลอดเวลา หุ้นถึงสามารถยกตัวสูงขึ้นเป็นลำดับ จนล่าสุดหุ้นปิดที่ 6 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 5.22 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดที่นักลงทุนต้องจับตาดูให้ดีๆ เพราะรอบนี้มีสิทธิ์วิ่งทะลุ 6.25 บาทค่อนข้างสูง หลังวอลุ่มและทิศทางซัพพอร์ตเต็มที่นะซี
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้นมหานิยมอย่าง AJD ขึ้นมาในทันที ซึ่งเป็นผลมาจากช่วงหลังๆ มีวอลุ่มเข้ามาอย่างหนาแน่น แถมหุ้นยังพยายามยกตัวสูงขึ้นเป็นระยะ บวกกับวันนี้ตั่วเฮีย “อมร มีมะโน” จะมีการแถลงแผนธุรกิจอย่างเป็นทางการ พร้อมกับอธิบายแผนการเติบโตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หุ้นเลยเด้งรับข่าวขึ้นมาปิดที่ 1.76 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่า 1.40 พันล้านบาทแบบนี้..ต้องตามไปดูอีกสองสามไม้แล้วล่ะ
*สำหรับในรายของ MAX ซึ่งเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” เคยหลงชื่นชอบอยู่พักหนึ่ง เพราะคิดว่า แผนธุรกิจจะเลิศหรูอลังการงานสร้าง พอเอาเข้าจริงกลับเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเสียอย่างนั้น บวกกับแผนขายหุ้น PP ที่ระดับ 1.30 บาทก็เป็นเพียงนิยายน้ำเน่า เมื่อนำมาผสมผสานกับคำอธิบายที่เม้าท์กันว่า IRR จากโรงไฟฟ้าขยะอยู่ที่ 30% มันแสดงให้เห็นถึงนิสัยขี้จุ๊ยังมีอยู่ การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.28 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 21.75% ด้วยมูลค่า 307 ล้านบาท จึงมีความเสี่ยงเต็มประตูหน้าต่าง..ไม่เชื่อลองถาม..ผู้รู้ดูก็ได้ค่ะ
*เหมือนกับในรายของ SEAOIL มองจากในมุมของนักลงทุนสไตล์คุณค่า ต้องพูดกันแบบไม่เกรงใจว่า ความเสี่ยงสูง! เพราะเมื่อเหลือบดูค่า P/E ที่เปาเข้าไปตั้ง 51 เท่า แถมในช่วงครึ่งแรกของปี 58 มีผลขาดทุนติดตัว เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมที่ตอกไว้ว่า คิดจะเล่นหุ้นที่มีมุกเทิร์นอะราวด์ ต้องเผื่อใจไว้สำหรับการเจ็บตัวบ้าง หลังหุ้นขึ้นมาปิดที่ 7.60 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 22.60% ด้วยมูลค่า 212 ล้านบาท พร้อมกับโดนแคชบาลานซ์นะซี
*ตบท้ายกันที่เจ้าหนูจอมซ่าส์ NUSA ของคุณน้องที่ชื่อ “เจ๊หมวย” เพื่อเปิดเป็นออพชั่นให้กับแฟนพันธุ์แท้หุ้นต่ำสิบ เหตุผลของการเม้าท์ถึงในเที่ยวนี้มาจากผลงานที่ดีขึ้น อีกทั้งหุ้นยังอยู่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 1.10 บาท ผสมผสานกับทิศทางของหุ้นเริ่มตั้งชัน 45 องศา วันนี้ถึงเป็นจังหวะดีที่จะตามกระแส ล่าสุดหุ้นปิดที่ 1.02 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท ก็ยังเหลือแก๊ปให้เล่นอีกนะเนี่ย!
*ป.ล.การเล่นหุ้นวันนี้ต้องกำหนดยุทธวิธีให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแบบ เทคนิค เก็งกำไร สวนกระแส ก็ต้องโฟกัสกรอบลงทุนให้ดี เพราะไม่มีใครรู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นอีกนะซี