เขย่าก่อนขึ้น
* โมเมนตัมของการเล่นหุ้นสัปดาห์นี้ ค่อนข้างแปลกตากว่าสัปดาห์ก่อน ๆ เพราะดัชนีสามารถวิ่งทะลุแนวต้านสำคัญ ๆ ได้อย่างสบายเกือก (เหมือนลิเวอร์พูลบดไลป์ซิก) โดยเฉพาะในมุมของการวิ่งผ่าน 1,550 จุดด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัด และพยายามสร้างฐานใหม่เหนือแนวต้านดังกล่าว ก่อนจะระเบิดฟอร์มเทพด้วยการพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านใหญ่บริเวณ 1,600 จุดแบบนี้..มันเร็วเกินไปไหมจ๊ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
* โมเมนตัมของการเล่นหุ้นสัปดาห์นี้ ค่อนข้างแปลกตากว่าสัปดาห์ก่อน ๆ เพราะดัชนีสามารถวิ่งทะลุแนวต้านสำคัญ ๆ ได้อย่างสบายเกือก (เหมือนลิเวอร์พูลบดไลป์ซิก) โดยเฉพาะในมุมของการวิ่งผ่าน 1,550 จุดด้วยวอลุ่มที่แน่นขนัด และพยายามสร้างฐานใหม่เหนือแนวต้านดังกล่าว ก่อนจะระเบิดฟอร์มเทพด้วยการพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านใหญ่บริเวณ 1,600 จุดแบบนี้..มันเร็วเกินไปไหมจ๊ะ
* ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจการกระชากขึ้นพรวดพราดขึ้นไปถึง 1,584.61 จุด ต่อจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ จนลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,569.87 จุด ก่อนประคองตัวปิดไปที่ 1,575.13 จุด บวกไป 2.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 แสนล้านบาทเป็นอย่างดี เพราะอาการที่แสดงออกมาในเที่ยวนี้คือการ “เขย่าก่อนขึ้น” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยมากในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังลุ้นข่าวดี เข้ามาเสริมความมั่นใจในการลงทุนเจ้าค่ะ
* จุดที่น่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ตรงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีไม่เคยวิ่งผ่านแนวต้านดังกล่าว แต่เที่ยวนี้ขึ้นมายืนเหนือระดับดังกล่าวได้หลายวัน ย่อมส่งผลให้โพซิชั่นของตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับฉวยโอกาสตรงนี้ให้ได้มากสุด เพราะหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กบางตัว ยังมีอัพไซด์ให้เล่นกันอีกพักใหญ่ ๆ นะจะบอกให้
* โดยเฉพาะในมุมของหุ้นขายไก่ขายหมูอย่าง CPF น่าจะเป็นช็อตที่เดี๊ยนอยากให้ตามดูมากสุด เพราะเมื่อดูจากกำไรที่ทำได้สวย ๆ และราคาหุ้นในอดีตเคยขึ้นไปยืนแถว 35 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมายืนปิดที่ 30.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.74 พันล้านบาท ยังมีมุมให้เล่นอีกเยอะพอสมควร ผนวกกับมีประเด็นดาวน์ไซด์ต่ำเป็นกองหนุน ต้องวอรี่อะไรอีกล่ะ!
* อีกรายที่นอนมาแบบสวย ๆ “โมนิก้า” คงเล็งเป้าไปที่ “เสือนอนกิน” อย่างหุ้น AOT เป็นตัวเลือกถัดมา เพราะทันทีที่มีข่าวสายการบินใหญ่ ๆ เริ่มกลับมาบินครบลูป ขาลุยก็อนุมานได้ทันทีว่า กำไรต่อจากนี้จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกไตรมาส ราคาหุ้นถึงขยับขึ้นต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมายืนปิดที่ 69.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.24 พันล้านบาทแบบนี้ เคาะขวาให้มันรู้เรื่องกันไปเลยดีกว่ายืนเกา..อิอิอิ
* ไหน ๆ ก็กล้าวัดใจกันทั้งที “โมนิก้า” ขอเลือกอีกหนึ่งหุ้นที่ทรงค่อนข้างดีอย่าง MINT เป็นตัวเลือกถัดมาแล้วกัน เพราะมองในมุมของผลงานที่น่าจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ก็ทำให้เชื่อว่า ราคาปิดที่ 31 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท ยังมีโอกาสไปต่อแน่นอน บวกกับใกล้ถึงเวลาแปลงวอร์แรนต์เป็นตัวเร่งเกม จึงเป็นจังหวะของการ follow buy พะยะค่ะ
* อีกรายที่เข้าสู่โหมดเทิร์นอะราวด์เต็มตัว “โมนิก้า” คงให้ความสำคัญกับอดีตหวานใจ IRPC เพื่อชี้ให้เห็นทุกองคาพยพพร้อมแล้วจริง ๆ แถมได้ลูกหม้อเก่าเข้ามาสานต่อภารกิจที่ค้างไว้ เดี๊ยนถึงมองการขึ้นมาปิดที่ 3.72 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.98 พันล้านบาทยังลุยต่อได้สบาย ๆ เพราะแวลูที่กูรูชั้นนำมองไว้อยู่แถว ๆ 4 บาทนะนายจ๋า!
* เม้าท์ถึงหุ้นใหญ่เยอะพอควรแล้ว “โมนิก้า” ขอหันมาดูหุ้นไซส์เล็กที่โบรกเกอร์ต่าง ๆ เริ่มหันมามองอย่าง SONIC กันบ้างดีกว่า! และเหตุผลที่ทำให้เดี๊ยนเลือกเม้าท์ถึงหุ้นจิ๋วตัวนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น เพราะกำไรปีนี้มีแนวโน้มโต 40% ซึ่งเป็นจังหวะของการเล่นแบบ follow buy ได้สบายบรื๋อสะดือโบ๋ หลังหุ้นยืนปิดแค่ระดับ 2.64 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 2.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24 ล้านบาทเท่านั้นเองจ้า!
* อีกรายที่ “โมนิก้า” แปลกใจสุด ๆ ที่ราคาหุ้นไม่ยอมขยับเหมือนหุ้นตัวอื่นคือ AIE เพราะมองในมุมของกำไรต่อหุ้นปี 2563 ที่ระดับ 0.09 บาท เทียบกับหุ้นตัวอื่นที่กำไรต่อหุ้นน้อยกว่าเยอะ แต่หุ้นเหล่านั้นกลับคึกเป็นม้าร่วมสองสามเดือน เดี๊ยนถึงอยากให้ขาลุยลองประเมินการยืนปิดที่ 1.01 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16 ล้านบาท เทียบกับเงินปันผลที่ระดับ 5 สตางค์ และยังได้วอร์แรนต์เป็นของแถมอีกด้วยแบบนี้..น่าเก็บไหมล่ะ!