ถนนทุกสายมุ่งสู่ ‘ตลาดกัญชา’
ในช่วงนี้ เราได้เห็นการดีดตัวอย่างน่ามหัศจรรย์ของหุ้นบริษัทใดก็ตามที่ออกมาประกาศว่า จะกระโจนเข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา และกรณีที่สร้างความฮือฮามากสุดน่าจะเป็นการดีดตัวของหุ้น JKN หลังเจ๊แอนคนสวย ได้โพสต์เฟซบุ๊กแค่ว่า “กัญชง + 18 = โคตรรวย” การตื่นตัวอย่างรุนแรงเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชา ชวนให้สงสัยว่า ตลาดนี้จะบูมและสามารถทำเงินมหาศาลได้จริงดังที่หลาย ๆ บริษัทได้วาดฝันไว้หรือไม่
กระแสโลก : ฐปนี แก้วแดง
ในช่วงนี้ เราได้เห็นการดีดตัวอย่างน่ามหัศจรรย์ของหุ้นบริษัทใดก็ตามที่ออกมาประกาศว่า จะกระโจนเข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา และกรณีที่สร้างความฮือฮามากสุดน่าจะเป็นการดีดตัวของหุ้น JKN หลังเจ๊แอนคนสวย ได้โพสต์เฟซบุ๊กแค่ว่า “กัญชง + 18 = โคตรรวย” การตื่นตัวอย่างรุนแรงเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชา ชวนให้สงสัยว่า ตลาดนี้จะบูมและสามารถทำเงินมหาศาลได้จริงดังที่หลาย ๆ บริษัทได้วาดฝันไว้หรือไม่
จากรายงานข่าวที่ได้เห็นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ในไม่ช้านี้เราอาจจะได้กินแฮมเบอร์เกอร์ และเครื่องดื่มที่ผสมสารสกัดจากกัญชา และเราจะได้ใช้ครีมอาบน้ำ เครื่องสำอางและยาสีฟันที่มีส่วนผสมจากกัญชา และคงจะมีผลิตภัณฑ์อีกหลาย ๆ อย่างที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมออกมาตีตลาดกันอย่างครื้นเครง
หลังจากที่รัฐบาลปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นสารเสพติด บริษัทเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม และแม้แต่ธุรกิจยางพารา กำลังแห่เข้าไปลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้กัญชา และร่วมลงทุนในการทำไร่กัญชาภายในประเทศ
ตามระเบียบของรัฐบาลในขณะนี้ การนำเข้ากัญชาและสารที่ได้มาจากกัญชา จะได้รับอนุญาตก็ต่อเมื่อมีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัยเท่านั้น และบริษัทที่จะได้รับใบอนุญาต ก็จะต้องเป็นบริษัทที่มีคนไทยถือหุ้นใหญ่
นักวิเคราะห์บริษัท โพรฮิบิชั่น พาร์ทเนอร์ส คาดการณ์ว่า ธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชาในประเทศไทยจะมีมูลค่าประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 18,000 ล้านบาท ภายในปี 2567 และทั่วทั้งเอเชียจะมีมูลค่าประมาณ 5,800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 178,000 ล้านบาท
ประเทศไทยถือว่าเคลื่อนไหวเรื่องกัญชาได้เร็วกว่าเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งในขณะนี้ยังกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าจะทำให้กัญชาถูกต้องตามกฎหมายดีหรือไม่
อย่างไรก็ดี บริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกัญชาและนักวิเคราะห์ เห็นพ้องต้องกันว่า ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชา อาจจะเจอปัญหาหลายอย่าง เช่น วัตถุดิบจะขาดแคลนเนื่องจากมีการจำกัดจำนวนผู้ปลูกให้แก่คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และอาจมีอุปสรรคจากการสกัดที่มีต้นทุนสูง
บทวิจัยของเมย์แบงก์ก็ชี้ว่า จะมีปัญหาที่ไม่ราบรื่นและกำไรจะไม่เป็นไปตามที่คาดเช่นกัน แต่หากมีโอกาสในการส่งออก เมย์แบงก์มองว่า การเติบโตของรายได้จากไร่กัญชา จะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยได้
ประเทศไทยมีประวัติในการใช้กัญชาในการแพทย์แผนโบราณเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และผสมในสารปรุงรส แต่เพิ่งให้โรงงานกัญชาเพื่อการวิจัยและการใช้ทางการแพทย์ถูกต้องตามกฎหมายเมื่อปี 2561 นี้เอง
กัญชาเป็นที่ต้องการในหมู่ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเนื่องจากถือว่าเป็นอาหารที่มีโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก และยังมี สาร CBD ที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งกำลังมีการวิจัยเพื่อใช้งานทางการแพทย์อยู่
จากรายงานใหม่ของแกรนด์ วิว รีเสิร์ช อิงซ์ คาดว่าตลาดกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมายทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 84,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี พ.ศ. 2571 และมีการคาดการณ์ว่า ตลาดกัญชาจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 14.3% ตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2571
การทำให้การใช้กัญชาทางการแพทย์และการใช้ของผู้ใหญ่ถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น และการยอมรับมากขึ้นให้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้รักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย
เซกเมนต์การใช้กัญชาของผู้ใหญ่ครองตลาดสูงสุดในขณะนี้ โดยมีรายได้ 60.3% ในปี 2563 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปีมากอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปี 2564-2571 เนื่องจากมีความต้องการสูงในหมู่คนรุ่นมิลเลนเนียลและผู้ป่วยที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับกัญชาเพื่อการรักษา
นอกจากนี้ยังคาดว่ากัญชาเพื่อการแพทย์จะโตในอัตราที่มั่นคงในช่วงเดียวกัน เนื่องจากได้ถูกกฎหมายในหลายตลาดแล้ว เมื่อเทียบกับในเซกเมนต์การใช้กัญชาของผู้ใหญ่
เมื่อแยกตามชนิดผลิตภัณฑ์ ส่วนดอกของกัญชาทำรายได้มากสุดในปี 2563 และเนื่องจากมีประชากรป่วยมากขึ้นและมีสรรพคุณทางการแพทย์มาก รัฐบาลของหลาย ๆ ประเทศจึงลดระดับอันตรายหรืออนุมัติการใช้งานกัญชา ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตแต่ดอกกัญชาได้
ในปี 2563 เซกเมนต์ที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาอาการปวดเรื้อรัง มีส่วนแบ่งรายได้มากที่สุด เนื่องจากมีการรับรู้เพิ่มขึ้นและมีการยอมรับในสังคมเกี่ยวกับการใช้กัญชาในทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน คาดว่า ในเซกเมนต์ที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาความผิดปกติทางจิต จะเติบโตเร็วที่สุดในช่วงปี 2564-2571 เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยซึ่งทุกข์ทรมานจากความเครียดและความวิตกกังวล เพิ่มมากขึ้น
อเมริกาเหนือทำรายได้จากตลาดกัญชามากสุด 91.1% ในปี 2563 เนื่องจากมีการดำเนินการให้กัญชาที่ใช้ทางการแพทย์และเพื่อการสันทนาการถูกกฎหมายเร็วกว่าที่อื่น และมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ แต่การระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้มีการล็อกดาวน์ทั่วโลก จึงลดซัพพลายวัตถุดิบและยับยั้งการผลิตในซัพพลายเชนผลิตภัณฑ์กัญชาทั่วโลก
ดูจากข้อมูลเหล่านี้ แน่นอนว่าตลาดผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชาน่าจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน ในแง่ของตัวเงิน เพราะเป็นตลาดใหม่และกระแสกำลังมาแรง แต่ในแง่ของผลกระทบทางสังคม ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป และขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมให้มีการปลูกหรือการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน
ก่อนหน้านี้ที่กัญชายังเป็นพืชต้องห้าม ก็ยังมีการแอบปลูกและสูบกัญชากันเกลื่อนเมือง การปลดล็อกเพื่อการแพทย์ก็น่าจะยิ่งทำให้คอกัญชามีเหตุผลในการเสพมากยิ่งขึ้น
เรื่องนี้น่าจะเป็นหนังยาวที่ต้องรอดูกันไปนาน ๆ จึงจะรู้ตอนจบ ดู ๆ ไปกระแสผลิตภัณฑ์กัญชา ก็เริ่มต้นคล้าย ๆ กับกระแส “ชาเขียว” เมื่อหลายสิบปีก่อนเหมือนกันนะเนี่ย