ครึ่งๆ กลางๆโมนิก้าและทีมงาน
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” จั่วหัวข่าวแบบนี้ เพราะเป็นคำพูดที่สื่อสารได้ดีสุดในยามนี้ และยังแสดงให้เห็นถึงความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกในคราวเดียวกันอีกด้วย จึงอยากจะย้ำถึงพวกโลกสวย อย่าเพิ่งคิดว่า อย่าคาดหวังอะไรที่ไกลเกินตัวเป็นอันขาด เพราะในช่วงนี้ไม่มีอะไรแน่นอนเลยสักอย่าง หลายเรื่องที่เคยคิดว่า ค่อนข้างโอเค บัดนี้ก็ไม่โอเคเสียแล้ว..มันเหนื่อยใจสุดๆ นะจะบอกให้
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” จั่วหัวข่าวแบบนี้ เพราะเป็นคำพูดที่สื่อสารได้ดีสุดในยามนี้ และยังแสดงให้เห็นถึงความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกในคราวเดียวกันอีกด้วย จึงอยากจะย้ำถึงพวกโลกสวย อย่าเพิ่งคิดว่า อย่าคาดหวังอะไรที่ไกลเกินตัวเป็นอันขาด เพราะในช่วงนี้ไม่มีอะไรแน่นอนเลยสักอย่าง หลายเรื่องที่เคยคิดว่า ค่อนข้างโอเค บัดนี้ก็ไม่โอเคเสียแล้ว..มันเหนื่อยใจสุดๆ นะจะบอกให้
*ยิ่งตลาดไปให้น้ำหนักในเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินทุนมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแรงกระเพื่อมมากขึ้นเท่านั้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้ทุกคนหลุดพ้นจากพันธนาการเรื่องนี้เสียที เพราะวันนี้ต้องมองไปข้างหน้ากันอย่างเต็มตัว ไม่มีเวลามานั่งสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่า คำแนะนำจากเดี๊ยนจะเป็นเพียงแค่สายลมที่พัดเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาซะมากกว่า..อิอิอิ
*ถามว่า เดี๊ยนยังมีอารมณ์ขันมาเล่าเรื่องแบบนี้อีกเหรอ? เดี๊ยนขอตอบว่า ก็ไม่มีอะไรต้องซีเรียสแล้วไม่ใช่เหรอ? เพราะทุกคนต่างรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงเห็นดัชนีแกว่งตัวไปมาในกรอบ 1,360-1,380 จุดตลอดทั้งสัปดาห์ บวกกับท่าทีของนักลงทุนสถาบันในประเทศยังแทงกั๊ก ทิศทางของหุ้นถึงต้องว่ากันวันต่อวัน มองอะไรยาวๆ ไม่ได้เลยนะจ๊ะ
*ประเด็นตรงนี้เห็นได้จากการเคลื่อนตัวของดัชนีที่ทะยานขึ้นอย่างช้าๆ แต่สุดท้ายกลับอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,370.65 จุด ลบไป 6.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.63 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ทำให้กองเชียร์ fail ไปตามๆ กันเลยทีเดียว เพราะข้อมูลที่แสดงออกมาในเที่ยวนี้ มันสะท้อนถึงความอ่อนแอทางจิตใจมากกว่าความอ่อนแอทางพื้นฐาน วันนี้ถึงต้องซอยยิกๆ ลูกเดียวนะคะ
*ขนาดหุ้นที่ได้ฉายาว่า “ไอติดดอย” หรือ ITD ซึ่งมีทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็กเข้ามาช่วยกันทำราคา สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อสัญญาณเทคนิค “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นตัวอย่างที่พยายามบอกให้ขาลุยรู้ว่า “กำไรน้อยๆ แต่กำไรนานๆ” น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หลังหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 8 บาท ลบไป 0.35 บาท ด้วยมูลค่า 1.75 พันล้านบาท พร้อมกับย้ำหัวหมุดว่า แนวต้าน 8.50 บาทแกร่งเกินกว่าจะฝ่าขึ้นไปได้นะจ๊ะ
*ส่วนในรายของ BANPU กระชากขึ้นมาปิดที่ 21.90 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท มองผ่านๆ อาจเป็นการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และมีสิทธิ์ทะยานขึ้นไปอีก แต่เมื่อดูไซเคิลของหุ้นในช่วงที่ผ่านมา มันเป็นแค่ “ขึ้นวัน ลงวัน” ส่วนราคาเป้าหมาย 28 บาท อาจไม่ใช่ระดับที่สูงเกินไขว่คว้า แต่ข้อมูลในช่วง 2 ปีพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ขึ้นได้ก็ลงได้..ทราบแล้วเปลี่ยน!
*ขนาดหุ้นต่ำบาทอย่าง TSTH กระชากขึ้นไปทำ high ที่ระดับ 0.86 บาท สุดท้ายกลับลงมานอนแอ้งแม้งที่ระดับ 0.74 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท พร้อมกับเปิดแก๊ปกว้าง พร้อมกับเกิดสัญญาณค้อนหัวกลับ “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะมันส่อไปในทางว่า “จบรอบ” วันนี้อาจได้เห็นปรากฏการณ์หนีตายจ้าละหวั่นนะจะบอกให้
*เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจให้เล่นหุ้นใหญ่ หุ้นขนาดเล็กถึงโผล่ขึ้นมาให้เห็นเยอะแยะไปหมด และยังเป็นตัวเดิมๆ ที่ขาลุยเข้าเล่นกันอย่างคึกคัก วานนี้ถึงได้เห็นหุ้นสุดฮิตอย่าง LIT กระชากขึ้นมาปิดที่ 7.80 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 7.60% ด้วยมูลค่า 200 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของกระแสความแรงของบริษัทที่ผุดโปรเจ็กต์ปล่อยกู้ออกมาเป็นระยะ จึงมีการอัพราคาเป้าหมายแบบลับๆ ไงล่ะค่ะ
*ส่วนในรายของ ARIP อาจเกาะเกี่ยวกระแสของพวกพ้องตนเองขึ้นมาอย่างโจ๋งครึ่ม แต่เมื่อดูตามรูปการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะเห็นว่า มักเป็นสงครามวันเดียวเสียส่วนใหญ่ “โมนิก้า” ถึงแน่ใจว่า การที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 1.16 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 12.60% ด้วยมูลค่า 166 ล้านบาท มันเป็นการเด้งขึ้นแรงก่อนจะทิ้งตัวลงมาที่ฐาน 1 บาท เพราะมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วนะซี
*เหมือนกับในรายของ NCL จู่ๆ กระชากสวนภาวะตลาดหุ้น ก่อนจะมาปิดที่ 2.34 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่า 62 ล้านบาท ทั้งที่ไซเคิลของหุ้นยังเป็นลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้าง “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเทคนิคมองแนวต้าน 2.40 บาทให้ดีเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้เคยขึ้นมาแตะระดับดังกล่าว สุดท้ายอ่อนตัวลงมาอยู่แถว 2 บาท มันเป็นข้อมูลที่ควรรับฟังไว้บ้างนะจ๊ะ
*ส่วนหุ้นทางเลือกที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับชำเลืองตามองกันบ้างในยามนี้คือ ECF ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ เหมือนมีคนกำลังพยายามเก็บของเข้าพอร์ต จนวานนี้หุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 4.44 บาท บวกไป 0.06 บาท รวมเบ็ดเสร็จใช้เวลาขึ้นมาจาก 3.80 บาททั้งสิ้น 14 วันทำการ โดยให้รีเทิร์น 17% เดี๊ยนถือเป็นทางเลือกสำหรับพวกเบี้ยน้อยห้อยน้อยอย่างแท้จริง..อิอิอิ