สบช่องเก็บแบงก์

วานนี้หุ้นธนาคารพาณิชย์พากันร่วงแบบเหมาเข่งหรือยกกลุ่ม


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

วานนี้หุ้นธนาคารพาณิชย์พากันร่วงแบบเหมาเข่งหรือยกกลุ่ม

นำโดยแบงก์ขนาดใหญ่ 3 แห่งที่ลงค่อนข้างหนัก คือ BBL KBANK และ SCB ส่วน กรุงไทย หรือ KTB ปรับลงไม่แรงนัก

ปัจจัยหลัก ๆ มาจาก 2 ประเด็น

เริ่มจากคณะรัฐมนตรีได้ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ไปประสานกับธนาคารต่าง ๆ เพื่อขอขยายเวลามาตรการพักหนี้ออกไปอีก หรือเป็นสิ้นปี 2564

และอีกเรื่องที่น่าจะสำคัญสุด คือ การเลื่อนใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.)

เริ่มจากเรื่องแรก

เท่าที่ได้ดูงบการเงินของธนาคารพาณิชย์สิ้นสุด ณ ไตรมาส 1/2564

และสอบถามจากนักวิเคราะห์

ส่วนใหญ่ยังมองว่า แบงก์ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไรมากนักจากโควิด-19 ระลอกใหม่

ทุกคนต่างมองว่า “นายแบงก์” ต่างมีประสบการณ์จากโควิด-19 ที่เริ่มระบาดในปี 2563 กันแล้ว

ทีมบริหารความเสี่ยงของแบงก์ต่างประเมินความเสี่ยงที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้น หรืออาจจะเป็นความเสี่ยงที่อยู่นอกเหนือคาดการณ์ไว้หมดแล้ว

ดังนั้น เราจึงเห็นแบงก์ เช่น KBANK BBL SCB และ KTB

ทั้งหมดนี้ต่างตั้งสำรองระดับสูง (มาก) ในปี 2563

ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 ที่ออกมา แล้วมีกำไรมากกว่าที่นักวิเคราะห์ นักลงทุนคาดกันไว้

นั่นก็มาจากปีก่อนหน้าแบงก์ต่าง ๆ ได้ตั้งสำรองระดับสูงมาก

ทำให้ไตรมาสแรกปีนี้ ทุกแบงก์มีค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองลดลง ส่งผลกำไรเพิ่มขึ้นกันเกือบถ้วนหน้า

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงประมาณการผลประกอบการของหุ้นแบงก์ปีนี้ไว้เช่นเดิม

คือ ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น หรือปรับลดคาดการณ์ลงอย่างมีนัยสำคัญ

เช่น นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า โควิด-19 ระลอกใหม่กดดันผลประกอบการแบงก์ไตรมาส 2/2564 บ้าง แต่ภาพรวมทั้งปี 2564 ยังฟื้นตัวดี

กำไรไตรมาส 2/2564 อาจจะอ่อนตัวลงบ้าง กับการระบาดของโควิด-19 และส่งผลให้ธนาคารอาจจะปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ (ECL) ขึ้นบ้างเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสถานการณ์

แม้จะคาดว่าคุณภาพหนี้อาจไม่แย่ลงรุนแรงเหมือนเช่นในปี 2563

ทว่าในด้าน “รายได้ค่าธรรมเนียม” ที่เป็นปัจจัยบวกที่โดดเด่นในไตรมาส 1/2564  เนื่องจากได้ปัจจัยหนุนจากตลาดทุนที่ปรับตัวขึ้น จึงคาดว่าไตรมาส 2 จะโดดเด่นน้อยลงตามภาวะตลาดที่ชะลอตัว

ทรีนีตี้ ยังระบุอีกว่า การตั้งสำรอง “ส่วนเกิน” ที่ธนาคารต่าง ๆ ได้สะสมมาค่อนข้างมากในปี 2563 ทำให้คาดว่าภาพรวมปี 2564 ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองจะลดลง และดันกำไรทั้งกลุ่มเติบโต 19%

มาถึงอีกประเด็นที่กดดันหุ้นแบงก์วานนี้

คือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งผลการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) การปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีด้วยวิธี Free Float Adjusted Market Cap

เรื่องนี้ ตลท. ให้เหตุผลว่า มีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมากต่อเกณฑ์ปรับน้ำหนัก SET50-100 ใหม่

ทำให้ตลาดฯ เลือกชะลอการใช้ออกไปก่อน

หากจำกันได้

ในช่วงของการเตรียมใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่นั้น

โบรกฯ หลายค่ายต่างดีดลูกคิดคำนวณหาหุ้นว่ามีหุ้นตัวไหนได้หรือเสียจากการปรับเกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่

ผลด้านบวกที่ออกมาคือ กลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ นำโดย BBL SCB และ KBANK

เพราะกองทุนต่าง ๆ น่าจะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นแบงก์ต่าง ๆ เหล่านี้เพิ่มขึ้น จึงเข้ามาเก็งกำไรกันสนุกสนาน

ทว่า เมื่อตลท.เลื่อนออกไป (หรืออาจจะยกเลิกไปเลย)

ทำให้เป็นช่องในการขายทำกำไร หรือปรับลดความเสี่ยงกันออกมาจ้าละหวั่นเมื่อวานนี้

เราจึงเห็นหุ้นแบงก์ที่เป็นเป้าหมายเชิงบวกต่อเกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่ ราคาต่างดิ่งพสุธากันหมด

ส่วนตัวอื่น มีปรับลงบ้างไปตามภาวะตลาด

นั่นแสดงให้เห็นว่า หุ้นแบงก์ที่ลงวานนี้ น่าจะมาจากปัจจัยเรื่องเลื่อนใช้เกณฑ์ฟรีโฟลตใหม่เป็นหลัก และประเด็นเรื่องขยายพักหนี้ออกไป เป็นประเด็นรองลงมา

การเลื่อนใช้เกณฑ์ฟรีโฟลต ไม่ได้กระทบหรือเกี่ยวกับพื้นฐานของหุ้นแบงก์

จึงน่าจะเป็นจังหวะเหมาะช่วงที่ราคาลงแรง

เข้าไปทยอยสะสมได้

Back to top button