คนรุ่นใหม่เกลียดทุน
แฮชแท็ก #NoCPTPP กลับมาอีกครั้ง 1.3 ล้านทวีต หลังจาก FTA Watch ระบุว่า กนศ. เสนอเรื่อง CPTPP เข้าคณะรัฐมนตรีเป็นวาระลับ หากไม่มีข้อทักท้วงใด ๆ ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหรืออนุมัติ นายกฯ สามารถลงนามแสดงเจตจำนง โดยไม่ต้องแถลงเป็นทางการ
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
แฮชแท็ก #NoCPTPP กลับมาอีกครั้ง 1.3 ล้านทวีต หลังจาก FTA Watch ระบุว่า กนศ. เสนอเรื่อง CPTPP เข้าคณะรัฐมนตรีเป็นวาระลับ หากไม่มีข้อทักท้วงใด ๆ ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบหรืออนุมัติ นายกฯ สามารถลงนามแสดงเจตจำนง โดยไม่ต้องแถลงเป็นทางการ
รัฐบาลแย้งว่าไม่จริง โต้กันไปโต้กันมา แต่เห็นชัดว่าการเข้า CPTPP ท่าจะยาก เพราะจะโดนต่อต้านหนัก ยิ่งเป็นรัฐบาลที่ประชาชนไม่เชื่อถือ
ข้อสังเกตในเรื่องนี้คือ กระแสต่อต้าน CPTPP มาจากคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในทวีตภพไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่เครือข่าย NGO ได้แรงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่มากถึงเพียงนี้
สมัยทักษิณการต่อต้าน FTA ต้องอาศัยมวลชนพันธมิตร ปลุกชาตินิยม ต้านทุนสามานย์ แต่ยุคนี้พลิกกลับเป็นคนรุ่นใหม่ ที่โดนข้อหา “ชังชาติ”
มีข้อสังเกตหลายประการ หนึ่ง คนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันเกลียดความเหลื่อมล้ำ การเอารัดเอาเปรียบ มีความเข้าใจเห็นใจชาวไร่ชาวนามากขึ้น เหมือนม็อบราษฎรย้อนไปอ้ารับเสื้อแดง ขอโทษแทนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่สนับสนุนการปราบปรามปี 2553
การบอกว่า CPTPP จะทำให้เกษตรกรตกเป็นทาส ถูกผูกขาดสายพันธุ์พืช จึงสร้างความสะเทือนใจอย่างรุนแรง
สอง คนรุ่นใหม่ใส่ใจคุณภาพชีวิต เมื่อมีทั้งเรื่อง GMO การเข้าถึงยา ราคาอาหาร ฯลฯ ก็ตระหนักว่าตัวเองจะเดือดร้อน นี่เหมือนตอนเคลื่อนไหวต้านพาราควอต (แม้มีข้อท้วงติง คือคนรุ่นใหม่ไม่ตระหนักว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง เกษตรกรไทยยังจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าหญ้า)
สาม ขยายความจากข้อแรก คือมองว่า CPTPP เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนเท่านั้น เกษตรกรเสียเปรียบ ประชาชนรับภาระ (อย่าอ้างแบบเดิม ๆ นะว่ามีการลงทุนก็มีจ้างงาน ทัวร์ลงบานแน่)
ใครที่ยังไม่เข้าใจให้ย้อนไปดูโพสต์ BIOTHAI ที่เทียบราคากล้วยหอมเมืองไทยแพงกว่าฝรั่ง แต่เกษตรกรได้ส่วนแบ่งน้อยกว่า พนักงานร้านสะดวกซื้อก็ได้ค่าแรงต่ำกว่าหลายเท่า คนรุ่นใหม่แชร์ล้นหลาม
คนรุ่นใหม่ยุคนี้ “เกลียดทุน” แม้ไม่ถึงกับปฏิเสธระบอบทุนนิยม (ลงทุนบิทคอยน์เยอะไป) แต่มีความสนใจศึกษาสังคมนิยม (ค้อนเคียว) เพื่อเอามาถ่วงดุล เพราะคนรุ่นใหม่ยุคนี้เกิดในโลก Disrupt มองไม่เห็นอนาคต เห็นแต่กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ยึดครองพื้นที่เต็มไปหมด ไม่เหมือนรุ่น Gen-X เรียนจบยุค 20-30 มีงานทำทันทีมีโอกาสสร้างตัว
7 ปีประยุทธ์ ยังทำให้คนรวยรวยขึ้น คนจนจนลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนใหญ่ รวยได้รวยเอา กลุ่มทุนเหล่านี้จึงถูกหมายหัวไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่หนุนประยุทธ์ออกหน้าออกตา (การยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับ CPTPP ขู่ฟ้องคนพูดมั่ว ไม่ช่วยสักเท่าไหร่)
ภาคธุรกิจควรตระหนักว่า การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว นี่ไม่ใช่ยุคสมัยที่ 2 ขั้วช่วงชิงกันเป็นรัฐบาล ใครชนะนักธุรกิจก็เข้าได้ทั้งสองฝั่ง เพราะการเมืองมวลชนร้อนแรง บอยคอตต์สินค้ากันเป็นพัก ๆ สมมติประเทศเปลี่ยน ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล กลุ่มทุนที่โดนหมายหัวว่าหนุนประยุทธ์ก็จะยิ่งถูกแอนตี้
ในระยะเฉพาะหน้า ภาคธุรกิจที่ต้องการผลักดัน CPTPP ต้องตีแผ่ข้อมูลอย่างเป็นจริง ต้องยอมรับว่าบางเรื่องที่เครือข่าย NGO ต่อต้านก็เป็นปัญหาจริง แต่บางเรื่องสามารถต่อรองได้ แล้วมีข้อดีอย่างไร แลกเปลี่ยนกับ NGO อย่าปล่อยให้รัฐบาลไร้เครดิตยิ่งพูดยิ่งไม่น่าเชื่อถือ
ในระยะยาว กลุ่มทุนที่หนุนประยุทธ์ หรือมีภาพลักษณ์ใกล้ชิด ก็ต้องเริ่มระวัง ต่อให้ประเมินว่าประยุทธ์อยู่ยาวไปไม่สะเทือน ความโกรธของคนก็ไม่เป็นผลดีกับธุรกิจ หรือถ้ามองว่าประยุทธ์ไม่รอด ก็ต้องเริ่ม call out ก่อนจะสายเกิน
ธุรกิจบางกลุ่มอาจใหญ่จนไม่กลัวบอยคอตต์ แต่เมื่อไหร่มีสัญญาสัมปทานหรือต้องอนุมัติผ่านหน่วยงานรัฐ ก็จะโดนถล่มเป็นผู้ร้ายทันที มีเงินทำ CSR โฆษณาอย่างไรก็สู้แฮชแท็กไม่ไหว