นายกฯ นอกคน
11 ปีพฤษภา 2553 สลายเสื้อแดง 99 ศพ และเกือบ 1 ปีหลังม็อบราษฎรทะลุเพดาน ถูกจับกุมคุมขัง กระทั่งกระบวนการยุติธรรมเสื่อม มีอะไรคล้ายกันอย่างประหลาด
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
11 ปีพฤษภา 2553 สลายเสื้อแดง 99 ศพ และเกือบ 1 ปีหลังม็อบราษฎรทะลุเพดาน ถูกจับกุมคุมขัง กระทั่งกระบวนการยุติธรรมเสื่อม มีอะไรคล้ายกันอย่างประหลาด
หลังจากสร้างความคับแค้นให้มวลชน “แดงทั้งแผ่นดิน” หลังจากฝังความโกรธแค้นในคนรุ่นใหม่ ไม่ทันไร ทั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์และรัฐบาลประยุทธ์ ต่างก็พบความตกต่ำ เสื่อมความนิยมกระทั่งพวกเดียวกัน เพราะบริหารประเทศล้มเหลวไร้ฝีมือ
มาร์ค “ดีแต่พูด” สะดุดขาตัวเองจากปัญหาเศรษฐกิจ ความไม่เอาไหน สะท้อนออกในกรณีน้ำมันปาล์ม จนยุบสภาก่อนครบวาระ แล้ว “แดงทั้งแผ่นดิน” ก็ชนะถล่มทลาย
ตู่ผู้เอาแต่โทษประชาชน ก็สร้างความวอดวายโควิดรอบสาม ป่านนี้ยังเอาไม่อยู่ แม้พ้นโควิดก็เศรษฐกิจพัง แต่ต่างกับมาร์คคือตู่ไม่ยอมยุบสภา หรือถ้ายุบก็มี 250 ส.ว.โหวตกลับมาใหม่
ตู่ดันทุรังได้ เพราะมีเครือข่ายอนุรักษนิยม ทหาร ตำรวจ ตุลาการ รัฐราชการ หนุนหลัง ถ้าเป็นคนอื่น ถ้าเป็นเพื่อไทย คงโดนองค์กรอิสระเล่นงานหรือโดนรัฐประหารไปแล้ว แต่ตู่เป็นตัวแทนความเสื่อมของรัฐประหาร จะล้มกันเองได้ไง
สิ่งที่ประชาชนจะเห็นคือการบริหารแย่ ๆ ต่อไป ใช้อำนาจลากถู ใช้กลไกเชลียร์ พอตัวเลขติดเชื้อลดลงเพราะประชาชนช่วยกันระวังตัว รีบฉีดวัคซีน รัฐบาลก็จะอ้างเป็นผลงาน ดันทุรังอยู่ต่อ สร้างความย่อยยับต่อไปทั้งเศรษฐกิจการเมือง
รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้อำนาจเพราะศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค แต่ยุบสภาก็แพ้ รัฐธรรมนูญ 60 จึงสร้างกลไก 250 ส.ว. ยังไงก็เป็นนายกฯ 5 ปี เปลี่ยนไม่ได้ ไม่ว่าประเทศวิกฤติแค่ไหน
ผู้วางกับดักในรัฐธรรมนูญรู้นิสัยคนไทย ไม่เห็นความสำคัญเรื่องหลักการ ถ้าต้องต่อสู้แตกหักเพื่อหลักการ ก็ถอยดีกว่า ชอบประนีประนอมหยวนยอมกันไป ยกตัวอย่างวันนี้ ถามใครก็มีแต่อยากเปลี่ยนประยุทธ์ ตั้งแต่เศรษฐีถึงชาวบ้าน อยากได้ผู้นำที่มีสมอง มีความสามารถ รู้จักสมานฉันท์ ไม่ใช่เอาแต่ด่ากราด
แต่ครั้นบอกว่าถ้าเปลี่ยนประยุทธ์ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจ 250 ส.ว. ซึ่งไม่ยอมง่าย ๆ ต้องสร้างพลังกดดัน อาจต้องม็อบ ต้องแสดงพลัง องค์กรต่าง ๆ ทั้งทางการเมืองเศรษฐกิจ ต้องเรียกร้องร่วมกัน
ก็ไม่เอาหรอก ยิ่งภาคธุรกิจไทย ซึ่งเติบโตมากับระบบอุปถัมภ์ พึ่งพิงจิ้มก้องอำนาจ รู้ทั้งรู้ว่าประยุทธ์จะพาพินาศ ก็เอาตัวรอดดีกว่า คนเดือดร้อนไม่มีทางไปก็มีแต่ SME รายย่อย อาชีพอิสระ
กับดักในรัฐธรรมนูญทำให้คนอีกฝ่ายที่อยากเปลี่ยนประยุทธ์ เรียกร้อง “นายกฯ คนนอก” ความหมายก็คือเรียกร้องให้เครือข่ายอำนาจอนุรักษ์นิยม ปลดประยุทธ์แล้วเอาคนอื่นมาแทน คนที่ดูดีมีฝีมือกว่า เพื่อรักษาโครงสร้างอำนาจเดิม ก่อนที่แรงกดดันจะจุดระเบิดเข้าสักวัน
ไม่รู้จะมีความเป็นไปได้หรือเปล่า แต่มองได้ว่าคงจะมีการล็อบบี้กันสุดตัวในฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ไม่เอาประยุทธ์ ซึ่งไม่มีมวลชน หรือมีแค่หยิบมือ อนุรักษ์นิยมปีกหนึ่งถูกปลุกเป็นพวกเชียร์ประยุทธ์สุดขั้วสุดโต่งไปแล้ว ม็อบราษฎรก็มุ่งแก้ถึงโครงสร้างไม่ใช่แค่ตัวบุคคล
เรื่องตลกก็คือสมมติเป็นไปได้จริง ถ้าประยุทธ์ถูกบีบให้ออก พวกที่สอพลอประยุทธ์อยู่ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาล ก็จะขวาหันไปเชลียร์คนใหม่ แม้คงหาทางให้ประยุทธ์ “ขึ้นหิ้ง” พ้นการไล่ล่าตามหลัง แต่ก็ไม่พ้นถูกตีตราล้มเหลวย่อยยับ
ปรากฏการณ์แถวตรงหันขวาสอพลอ จะทำลายคนใหม่ตั้งแต่ต้น ตราบใดที่ยังอยู่ในองค์ประกอบเดิม พรรคร่วมเดิม 250 ส.ว.หน้าเดิม หรือถ้าเปลี่ยนองค์ประกอบ เช่น รัฐบาลเพื่อชาติ พรรคฝ่ายค้านเข้าร่วมก็โดนมวลชนด่าเช็ด
นายกฯ คนนอกจึงสายเกินไป เป็นแค่วัคซีนแก้ขัดสกัดไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจ 250 ส.ว. ซึ่งต้องรอให้ย่อยยับกว่าจะแก้ได้