โบรกเกอร์ วอลุ่มหนา..กำไรแน่น.!
นับตั้งแต่ต้นปี ช่วง 3 เดือนแรก มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยคึกคักต่อเนื่อง เฉลี่ยต่อวัน 80,000-90,000 ล้านบาท บางวันทะสุแสนล้านบาท ถือว่าทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว...
สำนักข่าวรัชดา
นับตั้งแต่ต้นปี ช่วง 3 เดือนแรก มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยคึกคักต่อเนื่อง เฉลี่ยต่อวัน 80,000-90,000 ล้านบาท บางวันทะสุแสนล้านบาท ถือว่าทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว…
แม้ว่าหลายคนกังวลกับสถานการณ์โควิดที่ยังคุกรุ่น ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้เสียชีวิตยังพุ่งต่อเนื่อง สวนทางกับตัวเลขการฉีดวัคซีนที่ยังคลานต้วมเตี้ยม แต่มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยก็ยังหนาแน่น..!!
จากมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นนี้ ส่งผลให้ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2564 ของโบรกเกอร์พุ่งกระฉูดตามไปด้วย เพราะมีรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ไล่มาตั้งแต่บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ที่โชว์กำไรโตระเบิดระเบ้อ 1,352% อยู่ที่ 349 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 24 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากมีรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 2,352 ล้านบาท เป็น 4,405 ล้านบาท
ขณะที่มีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162% รวมทั้งมีกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงิน 216 ล้านบาท จากเดิมที่ขาดทุน 69 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2563
ฟากบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS พลิกมามีกำไร 81 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 23 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 46.01% อยู่ที่ 463 ล้านบาท จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 8,994 ล้านบาท เป็น 9,699 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงจาก 7.58% เป็น 5.58%
และมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 16.27% อยู่ที่ 19.76 ล้านบาท จากค่าธรรมเนียมการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 3.32 ล้านบาท รายได้การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 0.41 ล้านบาท รวมทั้งมีกำไรจากผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงิน 76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 508.30%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ก็ไม่น้อยหน้า โชว์กำไรโตเท่าตัว อยู่ที่ 276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.47% จากปีก่อนทำได้ 134 ล้านบาท
หลัก ๆ มาจากรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 35.12% อยู่ที่ 686 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น จากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 66,901.38 ล้านบาท/วัน เป็น 96,950.96 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น 44.92% และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 37.81% เป็น 47.33% อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลเพิ่มขึ้นจาก 25,293.81 ล้านบาท/วัน เป็น 45,882.65 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น 81.40%
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 205.77% อยู่ที่ 41 ล้านบาท เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 7 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI พลิกมามีกำไร 713 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 507 ล้านบาท
สาเหตุมาจากรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 45% อยู่ที่ 344 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 106% อยู่ที่ 410 ล้านบาท รวมทั้งมีกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงิน 893 ล้านบาท แบ่งเป็น กำไรจากเงินลงทุน 506 ล้านบาท กำไรจากอนุพันธ์ 330 ล้านบาท และเงินปันผลรับ 57 ล้านบาท
เรียกว่าอิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า…
ก็ทำให้หุ้นโบรกเกอร์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากเดิมที่ซังกะตาย…ไม่มีใครเหลียวแล…
แต่จะระริกระรี้ได้นานแค่ไหน..? อันนี้ไม่รู้สินะ…
…อิ อิ อิ…