ถอยรับของ
* วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับขาลุยทั้งหลายแหล่ว่า อาการสวิงสวายของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาบอกอะไร? รวมทั้งอาการแกว่งตัวแคบ ๆ ทั้งในแดนบวกและแดนลบ กำลังสื่ออะไร? เพราะเมื่อเหลือบดูปัจจัยที่จะเป็นตัวสร้างความมั่นใจอย่างบูรณาการ มันหาไม่เจอแม้แต่เรื่องเดียวเลยพับผ่าสิ! เดี๊ยนจึงต้องบอกกับแฟนคลับให้ตั้งสติก่อนเคาะขวาอีกรอบไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
* วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับขาลุยทั้งหลายแหล่ว่า อาการสวิงสวายของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาบอกอะไร? รวมทั้งอาการแกว่งตัวแคบ ๆ ทั้งในแดนบวกและแดนลบ กำลังสื่ออะไร? เพราะเมื่อเหลือบดูปัจจัยที่จะเป็นตัวสร้างความมั่นใจอย่างบูรณาการ มันหาไม่เจอแม้แต่เรื่องเดียวเลยพับผ่าสิ! เดี๊ยนจึงต้องบอกกับแฟนคลับให้ตั้งสติก่อนเคาะขวาอีกรอบไงล่ะคะ
* โดยเฉพาะอิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังเป็นตัวแปรที่คอยบั่นทอนความมั่นใจตลอดเวลา มันกลายเป็นประเด็นหลักที่ทำให้เดี๊ยนไม่สบายใจอย่างแรง จึงมองการแกว่งตัวเหนือแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,550 จุดเป็นแค่ประวิงเวลาเพื่อรอข่าวจริงบางอย่าง “โมนิก้า” ถึงพยายามบอกแฟนคลับให้เน้นเล่น “เกมรับ” มากกว่า “เกมบุก” เพื่อเป็นการเซฟเงินในกระเป๋าตัวเอง หลังสถานการณ์วันนี้ไม่เหมือนที่คาดหวังน่ะสิ
* นั่นหมายความว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,562.24 จุด ลบไป 4.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.35 หมื่นล้านบาท โดยทั้งวันเอาแต่นั่งจ๋องไปเรื่อย ๆ มันเป็นการเล่นที่สื่อให้รู้ว่า ต้านกระแสโลกไม่ไหว เพราะเราไม่ได้มีดีกว่าคนอื่น ภาพของการลงทุนถึงดูติดขัดไปหมดทุกมิติ ซึ่งเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ม้าแก่ชำนาญทางต้องใช้ยุทธศาสตร์ถอยรับของ เพื่อความสบายใจในการเล่นไงล่ะคะ
* ขนาดแบงก์สีเขียว KBANK พยายามงัดตัวเองขึ้นจากเตียงสนาม แต่สุดท้ายก็ลุกไม่ไหวอีกเช่นเคย วานนี้จึงโดนถล่มขายอีกระลอก จนหุ้นลงมายืนปิดที่ 122 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.83 พันล้านบาท พร้อมกับทำให้หุ้นอยู่ในทิศทางไซด์เวย์ดาวน์แบบนี้ มันเป็นจังหวะที่ต้องถอยฉากเพื่อความปลอดภัยในสินทรัพย์หรือเปล่า? ลองไปคิดดูนะจ๊ะ
* เช่นเดียวกับในรายของ ASIAN ก็อยู่ในช่วงแกว่งตัวลงอย่างเป็นทางการ แถมพรุ่งนี้ยังมีลูกหุ้นเข้าเทรดอีกหนึ่งกระทอก จึงเหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้ขาลุยคายหุ้นออกมาก่อน วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 14.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 6.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 194 ล้านบาทแบบเซ็ง ๆ ทั้งที่ผลงานในไตรมาส 1 สุดแสนจะบรรเจิด แต่กระแสสังคมไม่เล่นด้วย จึงต้องเอวังไปด้วยประการฉะนี้..นี้..นี้
* ส่วนรายที่อ่อนระทวยจนหาทางกลับบ้านไม่เจออย่าง BEM กลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เพราะทุกคนรับรู้อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ผลงานปี 2564 ทรุดต่อแน่นอน จึงมีแรงขายไหลออกมาเรื่อย ๆ จนหุ้นลงมายืนปิดที่ 7.60 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 398 ล้านบาท กลายเป็นจุดที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะโรยตัวลงมาแถว 7 บาทในไม่ช้า เพราะค่า PE 63 เท่ามันเป็นภาพที่บาดตาบาดใจเหลือเกินจ้า!
* คล้ายกับความผิดหวังที่นักเล่นมีต่อผลงานของหุ้น THANI กลายเป็นเครื่องยืนยันว่า หากกำไรออกมาต่ำกว่าปีก่อน ทุกคนก็พร้อมที่จะชิ่งหนีในทันที วานนี้จึงเป็นอีกวันที่หุ้นซึมลงมาปิดบริเวณ 4.04 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 312 ล้านบาท เดี๊ยนกลับมองเป็นจังหวะของการทยอยรับของ เพราะเมื่อเหลือบดูค่า PE 12 เท่า มันไม่มีอะไรวอรี่ทั้งนั้น..คุณ ๆ ว่าไหมล่ะคะ
* เมื่อมาในโทนหุ้นน่าซื้อทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นนอกกระแสอย่าง SAPPE เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนชอบหุ้นที่มีสตอรี่สวย ๆ บวกกับเที่ยวนี้ได้รับเสียงเชียร์จากโบรกเกอร์อย่างคับคั่ง เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 25.25 บาท บวกไป 1.05 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78 ล้านบาท เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะในมุมของหุ้นที่มีโกรท แต่ยังเทรดบนค่า PE 20 เท่า มันเตะตาเข้าอย่างจังนะจ๊ะ
* ยกเว้นในรายของหุ้นโอเฮีย OCEAN ถูกดันขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไรในกอไผ่ แถมคนในวงการรู้ไส้รู้พุงก๊วนที่เข้ามาเล่นเป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงอยากให้ทุกคนประเมินการขึ้นมาปิดที่ 1.68 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 365 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 30 เท่ามันเว่อร์ไปไหม? บวกกับยังไม่มีใครเอ่ยถึงคอนเนคชั่นของกลุ่มทุนใหม่ปึ๊กขนาดไหน? สงสัยจะเป็นเกมลากไปออกของกระมัง!