![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2018/09/CL1_PARA.jpg)
พาราสาวะถี
เพิ่งพูดไปว่าปัญหาของรัฐบาลสืบทอดอำนาจต่อการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 คือ การบริหารจัดการที่สะเปะสะปะ แก้ไขกันตามกระแสที่เกิดขึ้นในแต่ละห้วงเวลา เรื่องเฉพาะหน้าที่โดนกระหน่ำอยู่เวลานี้คือ ตัวเลือกของวัคซีนที่มีจำกัดและการกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชน แน่นอนว่า มีการกำหนดแนวทางในการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหลักคือหมอพร้อม ที่จนถึงวันนี้คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันบ่นอุบว่า จองฉีดวัคซีนไม่ได้ เพราะแอปฯ ดังว่าน่าจะเป็นหมอไม่พร้อมมากกว่า
อรชุน
เพิ่งพูดไปว่าปัญหาของรัฐบาลสืบทอดอำนาจต่อการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 คือ การบริหารจัดการที่สะเปะสะปะ แก้ไขกันตามกระแสที่เกิดขึ้นในแต่ละห้วงเวลา เรื่องเฉพาะหน้าที่โดนกระหน่ำอยู่เวลานี้คือ ตัวเลือกของวัคซีนที่มีจำกัดและการกระจายฉีดวัคซีนให้ประชาชน แน่นอนว่า มีการกำหนดแนวทางในการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันหลักคือหมอพร้อม ที่จนถึงวันนี้คนจำนวนไม่น้อยต่างพากันบ่นอุบว่า จองฉีดวัคซีนไม่ได้ เพราะแอปฯ ดังว่าน่าจะเป็นหมอไม่พร้อมมากกว่า
ขณะเดียวกันในต่างจังหวัดที่น่าจะได้ผลมากกว่าเขตที่มีการระบาดหนักอย่างกทม.และปริมณฑล ก็คือการให้อสม.ไล่ไปถามความสมัครใจของคนในหมู่บ้านว่าใครมีความประสงค์จะฉีดวัคซีนหรือไม่ เน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายคือ คนอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มโรคประจำตัวก่อน ซึ่งก็ได้เห็นตัวเลขของบางจังหวัดที่มีผู้ต้องการฉีดวัคซีนหลักหลายแสนคน จนกระทั่งเกิดเป็นเสียงวิจารณ์ว่าในพื้นที่เมืองหลวงและจังหวัดโดยรอบมีคนอยากฉีดวัคซีนมากแต่ก็ติดที่มาตรการและวิธีการของภาครัฐที่ไม่เอื้ออำนวย
จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงเงื่อนเวลาที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปมาลงทะเบียนฉีดวัคซีนจาก 1 กรกฎาคมมาเป็น 31 พฤษภาคม ซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติและไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ที่ทำให้รัฐบาลต้องเสียรังวัดและเป็นการการันตีว่ารัฐบาลนี้เป็นพวกชักเข้าชักออก ไม่อยู่กับร่องกับรอยคงเป็นกรณีการเปิดให้ประชาชนเดินไปฉีดวัคซีนยังจุดบริการได้หรือที่เรียกว่าวอล์ก อิน ตรงนี้เป็นมติจากที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และสำทับโดยบทสัมภาษณ์ของนายแพทย์ระดับอธิบดีว่าสามารถดำเนินการได้ทันที
แต่คล้อยหลังจากนั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็มีการเบรกหัวทิ่มจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจว่า ต้องไปเริ่มกันในวันที่ 1 มิถุนายนสำหรับการวอล์ก อิน ร้อนถึง อนุทิน ชาญวีรกูล ต้องรีบมาแก้ต่างว่าเป็นไปตามนั้น แต่ทำไปทำมาหลังการประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ปรากฏว่าท่านผู้นำสั่งให้ทบทวนเรื่องการวอล์ก อินฉีดวัคซีน โดยเฉพาะจุดใหญ่ที่ทางพรรคภูมิใจไทยได้วางเป้าหมายกันไว้ก็คือ สถานีกลางบางซื่อ ตรงนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นการหักหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง
เพราะก่อนหน้าหลังจากที่ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประกาศว่าจะใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นจุดใหญ่สำหรับการวอล์ก อิน ไปฉีดวัคซีนนั้น ทางการข่าวก็ผุดขึ้นมาทันทีทันใดว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตัวเองยังไม่ได้สื่อสารให้กับประชาชน งานใหญ่และได้หน้าขนาดนี้ต้องให้คนที่เป็นผู้นำได้ป่าวประกาศก่อน ไม่ใช่ชิงตัดหน้าให้ข่าวกันใหญ่โตเช่นนี้ นี่ทำให้เห็นว่า มีการเล่นเกมการเมืองกันทุกเม็ดทุกดอกภายในรัฐบาลสืบทอดอำนาจ
ข้ออ้างที่ว่ากลัววัคซีนจะมีไม่เพียงพอ เกรงว่าประชาชนมาแล้วไม่ได้ฉีดนั้น เป็นเรื่องที่บ้องตื้นเอามาก ๆ เพราะจำนวนวัคซีนที่จะนำไปฉีดในแต่ละวันนั้น มันสามารถกำหนดได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะวอล์ก อินเข้าไปฉีดในแต่ละแห่ง สามารถที่จะอธิบายเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายกันได้ ยิ่งฟังคำอธิบายเรื่องการจัดสรรวัคซีนไปฉีดในแต่ละวันจากปากของเสี่ยหนูด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดว่า การแตะเบรกของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นใช้อารมณ์หรือเหตุผลกันแน่
โดยอนุทินชี้แจงด้วยการยกตัวอย่างว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา 1 ขวด ฉีดได้ 10 โดส แต่ความสามารถของพยาบาลให้ความเห็นว่า สามารถดึงยาได้ราว 12 โดสต่อขวด ซึ่งจะทำให้มีวัคซีนมากขึ้นในแต่ละวัน สิ่งสำคัญก็คือ วัคซีนที่เบิกนำออกไปฉีดแล้วไม่สามารถเก็บกลับไปแช่ในตู้เย็นได้ ดังนั้น ระยะแรกนี้ทางพื้นที่จุดฉีดต่าง ๆ จะต้องเตรียมแผนสำรองพาประชาชนในละแวกใกล้เคียงจุดบริการฉีดวัคซีน เข้ามารับวัคซีนในส่วนนี้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการฉีดวัคซีนทุกโดส
แต่สิ่งที่อนุทินอธิบายมานั้น ไม่ใช่เรื่องการวอล์ก อินตามความหมายที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีมติมาแน่นอน ด้วยเหตุนี้เวทีคลับเฮาส์ของกลุ่มแคร์ล่าสุดเมื่อคืนวันอังคารที่มีขาประจำอย่าง โทนี่ วูดซัม หรือ ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นแขกรับเชิญหลัก อดีตนายกรัฐมนตรีจึงตั้งคำถามต่อเรื่องนี้ ไม่แน่ใจว่าไทยเป็นไทยแลนด์ 4.0 ไหม เพราะตอนแรกก็ให้วอล์ก อินฉีดวัคซีนได้ ตอนนี้ไม่ได้ ตกลงเอาจริงหรือเปล่า กระทรวงพูดตกลงกับนายกฯ หรือยัง อนุทินบอกให้วอล์ก อินนายกฯ บอกทำไม่ได้
ก่อนที่คนแดนไกลจะเหน็บต่อไปว่า หรือเพราะคนคิดไทยแลนด์ 4.0 โดนไล่ออกหมดแล้ว เลยเหลือแต่ 0.4 นอกจากนี้ ยังได้โชว์วิสัยทัศน์ต่อด้วยว่า วันนี้ต้องหยุด panic ประเทศให้ได้ก่อน เพื่อให้บรรยากาศในการกล้าทำมาหากินกลับมา business transaction ถึงจะเกิด ถ้าเราควบคุมในประเทศได้ ก็สามารถเปิดประเทศได้ ช่วงโควิดที่ยังเปิดประเทศไม่ได้ ก็มาทบทวนตัวเอง เราบกพร่องตรงไหน จะปรับปรุงอะไรให้แข่งกับคนอื่นได้ ก็ต้องรีบทำ เรื่องความโปร่งใสเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องอธิบายให้ประชาชน ไม่งั้นคนจะคิดติดลบหมด
แน่นอนว่า หากมองด้วยใจที่เป็นธรรมแบบไม่มีอคติเรื่องความคิดของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลเวลานี้มันเป็นไปอย่างที่ทักษิณว่า เช่นเดียวกับข้อคิดที่ฝากถึงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในฐานะผู้บัญชาการทหารบกเมื่อ 7 ปีก่อนว่า สถานการณ์วันนั้นกับวันนี้ตอนไหนน่าทำรัฐประหารมากกว่ากัน รัฐประหารมันลึกซึ้ง ลึกลับ วันนี้มันถึงเวลาต้องคิดถึงประชาชน เพราะลำบากกันถ้วนหน้า เพราะประเทศเรามีหนี้สินเยอะมาก ยกเว้นไม่กี่คนที่มีเงินเก็บ เพราะฉะนั้นเวลามีอะไรมากระทบนิดเดียวจะเดือดร้อนมาก
ขณะที่ประโยคปิดท้ายของทักษิณน่าจะตรงกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ รัฐต้องรีบแก้โดยด่วน ถ้าแก้ไม่เป็นก็ควรออกไป ปกติในระบอบประชาธิปไตยถ้าศรัทธาประชาชนไม่มีแล้วเขาจะยุบสภาให้ประชาชนตัดสินใจ แต่วันนี้เค้ามีรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจที่ทำให้เขาแข็งแรงแต่ประเทศอ่อนแอ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง แต่ถามอีกทีว่า “ตู่เบื่อยัง” วันนี้คนไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นรัฐบาล แต่คนสนใจว่า solution ของชีวิตเขาคืออะไร ที่รัฐบาลจะให้ วันนี้ไม่มี solution เลย มันมีแต่คำเพราะ ๆ หมอพร้อม ม.33 เรารักกงรักกัน ตกลงมันอะไร?