ความจริงอยู่หนใด?โมนิก้าและทีมงาน
*ประเด็นร้อนที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องลุกออกมาเม้าท์มอยต่ออีกหนึ่งวัน คงเป็นเรื่องของหุ้นเหล็กหล่นใส่ TEEN ผู้บริหารแบงก์ ใหญ่ ซึ่งแมงลือเม้าท์กันสนั่นลั่นทุ่งว่า ปั่นป่วนไปทั้งวงการ และทำให้หุ้นเหล็กเป็นของแสลงสำหรับนายแบงก์ไปเสียแล้ว จึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า นายแบงก์ที่ขี่หลังเสือจะหาทางลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งได้อย่างไร? เพราะในอดีตที่ผ่านมามีแต่การจารึกไว้ว่า คนขี่โดนเสือกินทุกรายนะซี
*ประเด็นร้อนที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องลุกออกมาเม้าท์มอยต่ออีกหนึ่งวัน คงเป็นเรื่องของหุ้นเหล็กหล่นใส่ TEEN ผู้บริหารแบงก์ ใหญ่ ซึ่งแมงลือเม้าท์กันสนั่นลั่นทุ่งว่า ปั่นป่วนไปทั้งวงการ และทำให้หุ้นเหล็กเป็นของแสลงสำหรับนายแบงก์ไปเสียแล้ว จึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า นายแบงก์ที่ขี่หลังเสือจะหาทางลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งได้อย่างไร? เพราะในอดีตที่ผ่านมามีแต่การจารึกไว้ว่า คนขี่โดนเสือกินทุกรายนะซี
*งานนี้ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมาย เพราะแค่ชำเลืองดูราคาหุ้นในกระดานก็รู้ได้ทันทีว่า หลายคนรู้สึกไม่ดี! จึงเลือกวิธีเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมกันนั้นยังเลือกที่จะยืนอยู่เฉยๆ เพื่อสังเกตการณ์เรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากตอนนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้สักราย “โมนิก้า” ถึงรู้สึกสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า เหตุไฉนตลาดหุ้นไทยถึงมีแต่ข่าวร้ายผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดทุกวันเจ้าค่ะ
*วันนี้ถึงควรออกมาพูดความจริงกันเสียที ไม่ใช่ติดอยู่กับมโนภาพส่วนตัว ต่อจากนั้นพยายามให้คนอื่นเชื่อตาม “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่ผิดเพี้ยนจากความจริงไปมาก ซึ่งเหมือนกับ 2 ผู้บริหารแบงก์ใหญ่อย่าง KTB และ SCB กำลังตกอยู่ในภาวะหมู่บ้านกระสุนตก ล้วนมาจากผลงานของใครบางคนเคยทำไว้ และตอนนี้กำลังถูกย่ำไปที่แผลเดิมให้เปิดกว้างขึ้นไปอีกแบบนี้..จบไม่สวยแน่ๆ เชื่อน้องโมเถอะ!
*โดยเฉพาะในรายของ KTB ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าเป็นแบงก์ที่สนองการเมืองเป็นหลัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหาก NPL จะปูดขึ้นมาอีกรอบ ขณะที่ตัวเลขกำไรก็คงพลาดเป้าอีกตามระเบียบ “โมนิก้า” ถึงไม่มีความจำเป็นต้องสาธยายอะไรให้ฟังอีกมากมาย เพราะคนที่รู้เรื่องดีสุดอย่าง “วรภัค” ยังหุบปากเงียบสนิท เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณเป็นนัยๆ ว่า “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น” บวกกับกองทุนออกตัวชัดเจนว่า “ไม่เอา” วานนี้ถึงเห็นหุ้นรูดลงมาปิดที่ 17.30 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 2.10 พันล้านบาทไงล่ะค่ะ
*ส่วนในรายของ SCB ออกตัวแบบเก้ๆ กังๆไม่เอาทางไหนสักทาง หวังรอปาฏิหาริย์ให้บังเกิด และยังเชื่อมั่นในการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับSSI น่าจะไปได้ดีนั้น มันคือมุมมองของพวกโลกสวย เพื่อปลอบประโลมชาวหุ้นเป็นการชั่วคราวเท่านั้น “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงแค่แผ่นเสียงตกร่อง เพราะความจริงก็คือ “เจ็บมาก หรือ เจ็บน้อย” ก็เท่านั้นเอง! วานนี้ถึงเห็นแบงก์ตราใบโพธิ์ปิดได้แค่ระดับ 139.50 บาท ลบไป 1.50 บาทนะจะบอกให้
*อีกประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” สนใจมากเป็นพิเศษคือข่าวลือที่เม้าท์กันอย่างเอิกเกริก “เสี่ยป๋อง” ทุ่มเงินหลายสิบล้านบาทเข้าซื้อหุ้น PAE ร้อนถึงเจ้าตัวต้องออกมาแก้ข่าวที่เกิดขึ้น พอสืบไปสืบมากลายเป็นว่า เว็บไซต์แห่งหนึ่งเป็นคนอ้างคำพูดของเสี่ยอย่างหน้าด้านๆ ทั้งที่เจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ได้เล่นหุ้นตัวนี้มานานเป็นปี! คนเหล่านั้นถึงหงายเงิบกันเป็นแถบ และทำให้รู้ว่า นับวันพวกฮาร์ดคอร์จะเล่นกันโหดมากขึ้นเรื่อยๆ ใครที่ตามกระแสไม่ทันมักตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว ขณะที่วานนี้หุ้นปิดที่ 0.32 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 8% หวังว่าทุกคนจะเข้าใจตรงกันนะ..อิอิอิ
*เช่นเดียวกับในรายของ ADVANC โดนมรสุมข่าวลบรุมกระหน่ำแบบไม่ทันตั้งตัว เป็นใครก็ต้องขายหุ้นทิ้งกันทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่มีข่าวเม้าท์ออกมาเป็นระรอกเกี่ยวกับการเช็กบิลย้อนหลัง ส่วนจะทำได้เหมือนกับที่เคยขู่ฟ่อดๆ หรือไม่? อันนี้ต้องติดตามดูกันต่อไปเรื่อยๆ และสุดท้ายอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับคนบางกลุ่มพยายามสร้างเรื่องก็เป็นไปได้ แต่ราคาหุ้นก็ตอบรับข่าวดังกล่าวด้วยการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 230 บาท ลบไป 4 บาท ด้วยมูลค่า 1.20 พันล้านบาทเสียแล้ว!
*ถ้าคิดไม่ออก ลองมองย้อนกลับไปยังกรณียึดดาวเทียม THCOM สุดท้ายวันนี้ยึดได้หรือเปล่า? และวันนั้นราคาหุ้นรูดลงไปหนักขนาดไหน? นักลงทุนประเภทคุณค่าน่าจะรู้ดีที่สุด และถ้ามองเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจะเห็นว่า หุ้นที่มีค่า P/E ที่ 20 เท่า บวกกับกำไรโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้ราคาหุ้นที่บริเวณ 32.75 บาท น่าจะเป็นจุดที่ลงทุนได้สบายๆ นะจะบอกให้
*เหมือนกับกรณีของหุ้นบรรจุหีบห่อที่พากันยกแผงขึ้นอย่าง AJ PTL TFI ล้วนมาจากแรงหนุนของภาครัฐที่กำลังพยายามให้คนหันมาใช้แผ่นฟิล์มเพื่อนำไปเป็นบรรจุภัณฑ์ หุ้นเลยเด้งรับอย่างร้อนแรงในช่วงบ่ายวานนี้ โดยรายแรกวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.65 บาท บวกไป 1.45 บาท หรือขึ้นไป 23% ส่วนรายถัดมาปิดที่ 8.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 13% และรายสุดท้ายปิดที่ 1.39 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 7% และเมื่อดูตามเนื้อผ้าจะเห็นว่า นี่เป็นผลทางจิตวิทยาเท่านั้น เพราะเรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือ ดีมานด์ไม่เยอะขนาดนั้น!..ทราบแล้วบอกต่อด้วยนะจ๊ะ
*ตบท้ายกันที่การอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ 1,379.32 จุด ลบไป 13.41 จุด ด้วยมูลค่า 3.65 หมื่นล้านบาท มันเป็นการสะท้อนภาพอีกมุมหนึ่งให้เห็นว่า กองทุน กับ โบรกเกอร์ ที่พร่ำบอกหุ้นไทยถูกสุดๆ น่าซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์เก็บไว้ในพอร์ต แต่เหตุไฉนวานนี้กลับมียอดเทขายโผล่ออกมารวมกัน 1.10 พันล้านบาท..แบบนี้จะเชื่อได้อย่างไรว่า คำพูดอันไหนเป็นความจริง?..หรือจะเถียงว่า “โมนิก้า” พูดเกินไป ก็ว่ากันมาเลย หนูยินดีรับฟังนะจ๊ะ