ฝรั่งขายแสนล้าน ?

* อีกหนึ่งเงื่อนไขที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยวิ่งทะลุแนวต้าน 1,600 จุดอย่างสวยงาม น่าจะขึ้นอยู่กับแรงขายของนักลงทุนที่เป็นฝรั่งหัวทองต่อจากนี้จะเบาลงขนาดไหน? บวกกับข้อมูลในเดือน พ.ค. ชี้ว่า ขายหุ้นออกมากถึง 2.50 หมื่นล้านบาท และนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ก็จัดหนักเกือบ 6 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า อ้ายหรั่งไม่คิดจะอยู่ในตลาดหุ้นไทยแล้วนะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* อีกหนึ่งเงื่อนไขที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยวิ่งทะลุแนวต้าน 1,600 จุดอย่างสวยงาม น่าจะขึ้นอยู่กับแรงขายของนักลงทุนที่เป็นฝรั่งหัวทองต่อจากนี้จะเบาลงขนาดไหน? บวกกับข้อมูลในเดือน พ.ค. ชี้ว่า ขายหุ้นออกมากถึง 2.50 หมื่นล้านบาท และนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ก็จัดหนักเกือบ 6 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า อ้ายหรั่งไม่คิดจะอยู่ในตลาดหุ้นไทยแล้วนะคะ

* เมื่อนำประเด็นดังกล่าวมาผูกรวมกับปี 2563 ที่ขายหุ้นออกมากว่า 2.60 แสนล้านบาท และย้อนไปในปี 2562 ก็ทิ้งหุ้นออกมาอีก 4.50 หมื่นล้านบาท ส่วนในปี 2561 กดซ้ายเต็มข้ออีก 2.87 แสนล้านบาท ขณะที่ปี 2560 ทิ้งไปเบา ๆ 2.57 หมื่นล้านบาท ซึ่งสรุปรวมแล้วทิ้งหุ้น 5 ปีติด จึงอนุมานได้ทันทีว่า ปีนี้ก็คงทิ้งหุ้นไทยรวมแสนล้านอย่างแน่นอน เพราะยังมีเวลาให้ขายได้อีกนานไงล่ะคะ

* ผนวกกับช่วงนี้มีการโยกเงินออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ตลอดเวลา จึงทำให้เชื่อว่า แรงกดดันดังกล่าวจะอยู่กับตลาดหุ้นไทยไปอีกระยะหนึ่ง และอาการแกว่งตัวไปมาในลักษณะไหลลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,552.44 จุด ลบไป 2.10 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.09 หมื่นล้านบาท คือภาพสะท้อนเรื่องราวที่เดี๊ยนได้เกริ่นนำให้ฟังในตอนต้น และบังคับให้นักเล่นต้องเคาะสั้น ๆ ก่อนจะเห็นปัจจัยบวกที่ชัดเจนนะคะ

* เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปูนใหญ่ SCC โดนรินขายต่อเนื่องจนโงหัวไม่ขึ้น ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 442 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท ช่างย้อนแย้งกับผลงานไตรมาส 1 ที่ทำได้ค่อนข้างดี และยังสื่อให้เห็นว่า เมื่อกองทุนต้องการปรับพอร์ตอีกรอบ ก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น จึงต้องปล่อยให้หุ้นโรยตัวลงไปอีกระยะหนึ่งตามระเบียบเจ้าค่ะ

* ขนาดหุ้นน้องใหม่อย่าง TIDLOR ซึ่งมีทั้งความสด ความใหม่ และความเซ็กซี่เป็นของแถม ก็ยังต้านไม่ไหว “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันเป็นเรื่องเกมการเงิน จึงน่าจะรู้เหตุผลที่ทำให้หุ้นลงมายืนปิดที่ 41.75 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 820 ล้านบาท พร้อมกับทำท่าจะย่อตัวลงไปอีกแบบนี้..โยมอยู่นิ่ง ไว้ก่อนดีไหมจ๊ะ

* จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ PTT ยังถูกรินหุ้นออกมาต่อเนื่อง ทั้งที่ผลงานงวดแรกออกมาค่อนข้างดี “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับไปดูสถานการณ์ 3 เดือนก่อนเป็นที่ตั้ง ต่อจากนั้นจะรู้ทันทีว่า การยืนปิดที่ 38.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.18 พันล้านบาท ใช่โอกาสของการลงทุนรอบใหม่อ่ะป่าว?..ส่วนคนที่ไม่มีเวลาดูกราฟหุ้นย้อนหลัง เดี๊ยนบอกให้ว่า หุ้นขยับไปมาในกรอบ 37-42 บาทไงล่ะคะ

* ส่วนที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แข็งของจริงอย่างหุ้น COM7 ก็ไปไม่เป็นเมื่อบรรยากาศไม่เอื้อ ราคาหุ้นถึงมีอาการซึมลงอีกครั้ง จนล่าสุดหุ้นยืนปิดที่ 70.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 515 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องคิดหนักพอสมควร เพราะโมเมนตัมของฝรั่งเที่ยวนี้ให้ความสำคัญกับแวลูที่ไม่สูงเกินไป จึงอยากให้แฟนคลับไปตัดสินใจกันเองว่า เรื่องนี้มีมูลไหม..อิอิอิ

* เช่นเดียวกับในรายของ HANA อยู่ในอาการซึมลงเป็นเวลาร่วมเดือน และยังต้องเผชิญกับแรงกดดันของฝรั่งหัวทองเป็นระลอก “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 51.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 632 ล้านบาท บวกกับความคาดหวังว่า ผลงานในไตรมาส 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 จะปังยาวเป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ จึงทำให้หลายคนเปิดตูดหนีก่อนไงล่ะคะ

* ปิดท้ายวันนี้ “โมนิก้า” ขอพูดถึงโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียที่เข้าสู่ประเทศไทยกันสักหน่อย เพราะสถานการณ์ดังกล่าวย่อมสร้างความสั่นสะเทือนกับสังคมอีกรอบ และเรื่องนี้อาจกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เพราะแค่จัดการกับของเดิมที่สร้างปัญหาก็ช้าเป็นเต่า มาเจอปัญหาใหม่ซ้ำเติมเข้าอีกกระทอกแบบนี้..ตลาดหุ้นไทยจะรับมือไหวไหมหนอ!!

Back to top button