ขึ้นทิพย์?
* ก่อนอื่นต้องยอมรับความจริงที่ว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาดข่าวดีมาจรรโลงจิตใจ ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ไม่กล้าช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต เพราะคิดว่า ยังมีราคาที่ถูกกว่าวันนี้ให้ซื้ออีกเพียบ ผสานกับต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้สภาพของตลาดหุ้นไทยง่อยเปลี้ยเพลียแรงอย่างที่เห็น จนเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับการลงทุนในอนาคตพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
* ก่อนอื่นต้องยอมรับความจริงที่ว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาดข่าวดีมาจรรโลงจิตใจ ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ไม่กล้าช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต เพราะคิดว่า ยังมีราคาที่ถูกกว่าวันนี้ให้ซื้ออีกเพียบ ผสานกับต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้สภาพของตลาดหุ้นไทยง่อยเปลี้ยเพลียแรงอย่างที่เห็น จนเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับการลงทุนในอนาคตพะยะค่ะ
* ถามว่า รู้สึกอย่างไรที่เห็นสภาพตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างนี้ เดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า ไม่สบายใจอย่างแร๊ง..งง เพราะหลายบริษัทเริ่มส่งสัญญาณความอ่อนแอของกำไรในไตรมาส 2 ออกมาให้เห็นเป็นระยะ ผนวกกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศก็ออกอาการฝืดเคืองให้เห็นเป็นระลอก “โมนิก้า” เลยมองไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นอย่างมั่นคงในอนาคตอันใกล้น่ะสิ
* งานนี้ถ้าจะลุ้นกันจริง ๆ “โมนิก้า” ขอมองข้ามช็อตไปดูสถานการณ์ไตรมาส 3 ดีกว่า เพราะช่วงเวลาดังกล่าวมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ล่างถึงบน ซึ่งเป็นตัวชี้ชะตาเศรษฐกิจไทยจะฟื้นไหม? เดี๊ยนจึงต้องปล่อยให้ตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามยถากรรมอีกระยะหนึ่ง และขอแสดงความคิดเห็นว่า การยืนปิดที่ 1,551.85 จุด ลบไป 0.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.87 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้ และการเด้งขึ้นไปถึง 1,559.60 จุดน่าจะเป็นการขึ้นทิพย์นะคะ
* อ้อ!..อย่าลืมว่า สองสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นจะซื้อขายแบบฟันหลอ (มีวันหยุดคั่นกลาง) จึงต้องเผื่อทางหนีทีไล่ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะตลาดหุ้นไม่โสภาสถาพรอย่างที่คิด พอจะหันไปซบอกใหญ่ ๆ อย่างตลาดคริปโท ก็โดนเทขายกราวรูดไม่เห็นหน้าใครทั้งสิ้น ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความอึดอัดใจให้ตัวอีฉันมากเหลือเกิน จึงต้องออกโรงเตือนแฟนคลับหัวใจสะออนให้เก็บตัว และอยู่นิ่ง ๆ สักพักไปก่อนไงล่ะคะ
* ขนาดแบงก์ดอกบัว BBL ยังโดนรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนร่วงจากฐานเดิมที่เคยประคองตัวแถว 125 บาท อย่างง่ายดาย ลงมายืนปิดที่ 114.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 569 ล้านบาท อย่างง่ายดาย “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับคนที่คิดจะเข้าไปช้อนหุ้น เพราะมองไม่เห็นประเด็นที่จะช่วยยับยั้งแรงขายที่ไหลออกมาตลอดเวลาน่ะสิ
* เช่นเดียวกับมรสุมที่กำลังถาโถมใส่หุ้น BTS ภายใต้การกุมบังเหียนของ เฮีย.ค ล้วนเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้กับแมงเม่าที่กำลังจะสวนกระแส เพราะมองไปทางซ้ายก็มีแต่เรื่องไม่สบายใจ พอมองไปทางขวาก็เจอกับมือที่มองไม่เห็นกำลังง้างกำปั้นเหล็ก ราคาหุ้นเลยหมุนติ้วเป็นลูกข่างในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ 8.60 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 825 ล้านบาท น่าสนใจป่าว!
* เม้าท์ถึงประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น CPALL เพื่อชี้ให้เห็นการทำ Triple Bottom ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 57.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท มันเป็นจุดยั่วยวนใจนักเล่นที่อยู่ในสายเทคนิคเสียเหลือเกิน เพราะความเสี่ยงในการทิ้งตัวลงแรงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงขอนำเสนอเรื่องราวของหุ้นตัวนี้ไว้เป็นตัวเลือกนะคะ
* สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ต้องย้อนกลับไปมองหุ้น RBF เป็นรายถัดไปในทันที เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 20.30 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 8.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 760 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 83 เท่า มันเป็นจุดที่ทำให้ “โมนิก้า” ถึงกับร้องอุทานเสียงหลงเป็นภาษาสเปนกันเลยทีเดียว และคงทำได้แค่เพียงบอกกับแฟนคลับว่า ต้องติดตามดูตอนต่อไปกันเองนะออเจ้า
* เช่นเดียวกับการโดนถล่มขายอย่างหนักของ AIE ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา น่าจะเป็นเครื่องยืนยันผลกระทบโควิด-19 ระลอกสาม น่าจะส่งผลให้การปั๊มกำไรเกิดอาการสะดุดขึ้นระหว่างทาง จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะแก้มือสำเร็จไหม? เพราะการทรุดตัวลงมาปิดที่ 1.34 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท คืออาการแพนิกอย่างแรงน่ะสิ