พาราสาวะถี
ประเทศนี้ง่ายดีในยุคสืบทอดอำนาจ นักข่าวเฝ้าถามเรื่องวัคซีนหลักเจ้าเดียวที่รัฐบาลนี้จองไว้ตั้งแต่การระบาดรอบแรก โดยมีรอบการส่งมอบที่สำคัญเพื่อจะนำไปปูพรมฉีดให้กับประชาชนประเดิมในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ แต่จนป่านนี้ยังไม่มีทีท่าว่าของจะมาถึงตามกำหนด พอไปถามรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงคำตอบที่ได้คือ “อือ” แปลความหมายว่าได้แน่ พร้อมท้าทายคนที่ไล่ส่งให้ลาออกจากตำแหน่งถ้ามีวัคซีนมาฉีดให้ได้ทันเดิมพันแลกเก้าอี้กันดีไหมล่ะ
อรชุน
ประเทศนี้ง่ายดีในยุคสืบทอดอำนาจ นักข่าวเฝ้าถามเรื่องวัคซีนหลักเจ้าเดียวที่รัฐบาลนี้จองไว้ตั้งแต่การระบาดรอบแรก โดยมีรอบการส่งมอบที่สำคัญเพื่อจะนำไปปูพรมฉีดให้กับประชาชนประเดิมในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ แต่จนป่านนี้ยังไม่มีทีท่าว่าของจะมาถึงตามกำหนด พอไปถามรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงคำตอบที่ได้คือ “อือ” แปลความหมายว่าได้แน่ พร้อมท้าทายคนที่ไล่ส่งให้ลาออกจากตำแหน่งถ้ามีวัคซีนมาฉีดให้ได้ทันเดิมพันแลกเก้าอี้กันดีไหมล่ะ
เข้าใจกันได้ลิ่วล้อขบวนการสืบทอดอำนาจสามารถทายท้าได้ทุกรูปแบบไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เช่นเดียวกันกับรัฐมนตรีคนที่พูดสุดจะบรรยายด้วยเหตุที่เชื่อมั่นในแบ็คอัพของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ความผิดพลาดจากการทำงานมันจึงไม่ได้รับการแก้ไข เพราะกลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อม หรืออีกนัยก็คือบริหารผิดพลาดร่วมกันจึงต้องกระเตงกันไปแบบนี้ ซึ่งกรณีวัคซีนนั้นต้องยอมรับกันแต่โดยดีว่า เป็นความล้มเหลวทั้งแง่วิสัยทัศน์และการบริหารจัดการของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง
ประเด็นความล่าช้าและไม่มั่นใจว่าวัคซีนที่ประกาศว่าจะเป็นตัวหลักในการฉีดให้คนทั้งประเทศนั้นจะเกิดการผิดนัดหรือไม่ ตีกรรเชียงกันอยู่หลายวันกระทั่งบริษัท แอสตราเซเนกา ประเทศไทย ต้องออกมาชี้แจงแต่ก็ไม่น่าจะช่วยให้คนเชื่อมั่นได้ สิ่งที่อธิบายมามีเพียงประโยคที่ว่า การผลิตวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทยมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ยืนยันพร้อมทยอยส่งมอบล็อตแรกที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ให้แก่รัฐบาลไทยตามกำหนดภายในเดือนมิถุนายน เพื่อนำไปดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป
คำถามก็คือ มันจะทันฉีดตามกำหนดเดิมที่วางกันไว้คือ 7 มิถุนายนนี้หรือไม่ เพราะถามความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศแล้ว หากจะต้องประเดิมเข็มแรกในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีเพียงสองยี่ห้อโดยไม่ให้เลือกนั้น ขอเป็นจากฝั่งยุโรปดีกว่า ทว่าก็มีให้เห็นแล้วว่า สถานพยาบาลหลายแห่งที่มีการจองคิวไว้ผ่านระบบหมอพร้อมนั้น ได้เริ่มมีการแจ้งเลื่อนการนัดหมายเดิมที่ได้จองกันไว้แล้ว เช่นนี้มันบ่งบอกถึงความโหลยโท่ยในการทำงานได้เป็นอย่างดี
ไม่ต้องพูดถึงวัคซีนแอสตราเซเนกาเข้มสอง ที่คำแก้ตัวของรัฐมนตรีว่าการและปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรื่องยืดเวลาการฉีดออกไปจาก 10 สัปดาห์เป็น 16 สัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพของวัคซีนนั้น เป็นตลกที่ทำให้คนหัวร่อไม่ออก เนื่องจากในวันเดียวกันกับที่มีบทสัมภาษณ์เรื่องนี้ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ไปนั่งจิ้มวัคซีนยี่ห้อนี้เข็มที่สองแล้ว มันหมายความว่าอย่างไร และคนที่ลงมือฉีดให้ก็คือปลัดกระทรวงคนที่อ้างเรื่องการขยายเวลาการฉีดเข็มที่สองนั่นเอง
ช่วยไม่ได้หากจะมีประชาชนไม่พอใจต่อการถูกแจ้งเลื่อนเวลาในการฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ในเข็มที่สองออกไป เห็นด้วยกับ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเสรีรวมไทย ที่ว่า เป็นการสะสมความผิดพลาดหลายอย่างของรัฐบาล เพราะประชาชนอดทนมานานแล้ว ทั้งการระบาด การล็อกดาวน์ กระทบธุรกิจการค้า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็เจ๊ง ความอดกลั้นของประชาชนอาจมาถึงขีดจำกัด แต่เชื่อว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ได้มองเช่นนั้น
ด้วยความเชื่อมั่นในองคาพยพที่ตัวเองได้วางไว้ในกลไกการสืบทอดอำนาจ แต่กระนั้นก็ตามอย่างที่หมอเรวัตว่าไว้ ม็อบต่าง ๆ อาจไม่สามารถล้มรัฐบาลของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ แต่เชื้อโรคตัวเล็ก ๆ นี่แหละ อาจจะล้มรัฐบาลนี้ได้ ความไม่พอใจต่อความสามารถในการบริหารงานของท่านผู้นำและคณะนั้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งคนที่เคยสยบยอมหรือสนับสนุนขบวนการโค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาตลอด ยังอดที่จะโจมตีเรื่องนี้ไม่ได้
เห็นเด่นชัดสุดคงเป็นรายของ สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต้นแบบการก่อตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับรักษาผู้ป่วยโควิดแห่งแรกในประเทศไทย ที่เขียนข้อความสั้น ๆ จากความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อเช้าวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า รู้สึกว่าเรากำลังถูกเท เราถูกขอให้ต่อสู้ รบยืดเยื้อ และให้ขยายแนวรบออกไปตลอดเพื่อชาติ ชาติบอกเรามาว่า ให้ปันส่วนกระสุน เอาไปคนละสิบนัดในเดือนนี้ แล้วให้ตรึงแนวรับไว้ให้ได้จนถึงเดือนหน้า
บางหน่วยยังเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง แต่มีกระสุนให้ไม่จำกัด วังเวง และเริ่มรู้สึกท้อ ขอเราไปทำหน้าที่สั่งการและช่วยตัดสินใจแทนชาติชั่วคราวสักเดือนนึงได้ไหม ขอร้อง นี่สะท้อนภาพการรับไม่ได้ต่อความสามารถในการบริหารประเทศของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะ ขณะที่ อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกระทุ้งเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันกับหัวข้อ “ความล้มเหลวของรัฐบาลในการจัดการบริหารวัคซีนโควิด”
ประสาคนที่ได้เชื่อว่าเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยจึงแนะนำรัฐบาลสืบทอดอำนาจไปว่า มันต้องพูดความจริงกับประชาชนว่ายังไม่มีวัคซีน “ที่เคยพูดไปมันไม่เป็นไปตามนั้น” และที่บอกต้องเลื่อนฉีดวัคซีนเข็มที่สองจากสิบสัปดาห์เป็น 16 สัปดาห์ เพราะจะได้ผลดีกว่า พูดแบบนี้เขาเรียก “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ปลิ้นปล้อนหลอกกันไปวัน ๆ ควรพูดความจริงไปเลยว่า ที่ผ่านมาบริหารการนำเข้าวัคซีนผิดพลาดไม่ได้สั่งไว้ก่อน เพิ่งจะมาสั่งเขาเลยไม่มีของให้ เพราะเขาต้องส่งให้ประเทศอื่นที่สั่งจองไว้ก่อน
แน่นอนว่ายิ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น จะปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ ไม่ได้ ในฐานะผู้อำนวยการศบค. รวบอำนาจการบริหารจากกฎหมายทุกฉบับมาไว้ในมือทั้งหมด “น่าจะพิจารณาตัวเองลาออกไปได้แล้ว” เปิดทางให้คนอื่นที่มีฝีมือมาบริหารแทน เพราะเรื่องนี้มันเป็นความเป็นความตายของประชาชน และความอยู่รอดของเศรษฐกิจบ้านเมือง บทพิสูจน์ความแมนของผู้นำประเทศที่เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกแค่กรณีวัคซีนแอสตราเซเนกาก็คือ ตัวเองฉีดเข็มสองแต่ประชาชนที่นัดหมายไว้แล้วไปเลื่อนเขา แล้วอ้างว่าเลื่อนไปเพราะจะได้ผลดีกว่า ตรรกะแบบนี้มันไม่น่าหลอกคนไทยได้