เดี๋ยวดี..เดี๋ยวร้าย

* ดูเหมือนช่วงนี้จะเกิดรายการ “หักปากกาเซียน” บ่อยมาก ชนิดที่หลายคนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติสำหรับตลาดหุ้นไทย เพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้สาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยยืนหยัดในระดับสูงได้อย่างแข็งแกร่ง จึงอยากให้แฟนคลับทำใจยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นแต่โดยดี และให้ทุกคนพึงระลึกไว้เสมอว่า ช่วงนี้เป็นเวทีของกองทุนที่ต้องการโชว์พาวเวอร์ให้ทุกคนเห็นพะยะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* ดูเหมือนช่วงนี้จะเกิดรายการ “หักปากกาเซียน” บ่อยมาก ชนิดที่หลายคนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหนนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติสำหรับตลาดหุ้นไทย เพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้สาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยยืนหยัดในระดับสูงได้อย่างแข็งแกร่ง จึงอยากให้แฟนคลับทำใจยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นแต่โดยดี และให้ทุกคนพึงระลึกไว้เสมอว่า ช่วงนี้เป็นเวทีของกองทุนที่ต้องการโชว์พาวเวอร์ให้ทุกคนเห็นพะยะค่ะ

* หากให้ “โมนิก้า” พิจารณาการเคลื่อนตัวของดัชนีในสัปดาห์นี้จะเป็นในรูปไหน??..เดี๊ยนคงต้องยกตัวอย่าง การเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นต้นแบบ เพราะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเคลื่อนตัวในลักษณะอ่อนตัวลงมาปรับฐานกันเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนียังเคลื่อนตัววนเวียนไปมาที่ระดับ 1,530-1,580 จุดเจ้าค่ะ

* ผนวกกับตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังตกอยู่ภายใต้ความกังวลการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นจริงไหม “โมนิก้า” ถึงกล้าคาดคะเนว่า ดัชนีจะแกว่งตัวออกด้านข้างอีกพักใหญ่ ๆ และประเด็นที่เดี๊ยนสนใจมากเป็นพิเศษเกี่ยวกับการลงทุนในบ้านเราก็คือ น่าจะมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ออกมาจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติออกมาอีกระลอกนะจ๊ะ

* โดยการขายหุ้นของนักลงทุนดังกล่าวในเที่ยวนี้ยังเป็นเรื่องของการขายทำกำไร และขายเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งตัวเดี๊ยนก็ยังมั่นใจว่า สัปดาห์นี้น่าจะยังมีให้เห็นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับปัจจัยลบต่างประเทศหลากหลายเรื่องราวด้วยกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอลงทุนเพื่อดูทิศทางตลาดหุ้นให้ชัดเจนเสียก่อน ส่งผลให้การขึ้นของดัชนีมายืนปิดที่ 1,568.58 จุด บวกไป 16.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.89 หมื่นล้านบาท มันคือการรีบาวด์ธรรมดา ๆ นะจะบอกให้

* โดยเฉพาะในรายของ KBANK ดันหุ้นจนขึ้นมาปิดที่ 124  บาท บวกไป 5.50 บาท หรือขึ้นไป 4.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.65 พันล้านบาท ท่ามกลางภาวะการลงทุนที่ผันผวนหนักขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็นความเสี่ยงที่นักเล่นต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเที่ยวก่อนก็ดันแรงสุดลิ่มขึ้นมาแบบนี้ ต่อจากนั้นค่อย ๆ รินหุ้นออกมา จนลงไปกองอยู่ที่พื้นไม่เป็นท่า..จำได้ไหมตัวเอง?

* ส่วนรายที่ชอบลักหลับยามเผลอเป็นประจำ และมีคนพร้อมให้ชำเราอย่างเต็มใจ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น DELTA เป็นรายที่สองของหัวข้อเม้าท์แตก  เพราะมองในมุมของการเทรดบนค่า PE 78 เท่า น่าจะเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นที่มีสติรู้ได้ทันทีว่า เสี่ยงสูง! เดี๊ยนถึงมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่า การวิ่งขึ้นมาปิดที่ 554 บาท บวกไป 52 บาท หรือขึ้นไป 10.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.56 พันล้านบาท มันเป็นเกมของพวกกล้าตายนะออเจ้า

* ขนาดดาวเด่นอย่าง SCGP ยังโดนเทขายแบบไม่มีเยื่อใย จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ 56.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.20 พันล้านบาท แถมเป็นการชิงขายตัดหน้าข่าวจริงแบบนี้ มันกลายเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนต้องคิดมากเป็นพิเศษ เพราะมันตีความได้อย่างเดียวว่า หุ้นจะไหลลงไปหาแนวรับเก่าบริเวณ 52 บาท ซึ่งน้องโมภาวนาอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลยจ้า!

* ส่วนที่ภาวนาอย่างไรก็ไม่เป็นผล ผู้เล่นควรหันไปมองหุ้นจอมเฟคตัวพ่ออย่าง BWG ถูกเทขายอย่างหนักหลายวันติดต่อกัน จนมองไม่เห็นโอกาสที่หุ้นจะตีตื้นขึ้นมาได้สักที แถมงวดล่าสุดโดนสาดหุ้นออกมาไม่ยั้ง จนลงมายืนปิดที่ 0.79 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 212 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้แมงลือต้องนั่งลุ้นระทึกตลอดเวลาว่า วันนี้หุ้นจะโดนจัดหนักอีกชุดหรือเปล่า?

* สำหรับคนที่ชอบเสี่ยงแบบสุดซอย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น AAV ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่คนในแวดวงการเงินตั้งคำถามในใจกันเป็นแถวว่า แผนการเงินที่นำมาใช้ต่อลมหายใจมันจะทำให้บริษัทไปได้สักกี่น้ำ แถมส่องกล้องมองไปข้างหน้าก็มีแต่เหวลึก เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับกลับไปนอนคิดว่า การขึ้นมาปิดที่ 2.62  บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 9.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 241 ล้านบาท มันมีอะไรดีกว่าที่หนูเม้าท์ให้ฟังอ๊ะป่าว?..อิอิอิ

Back to top button