พาราสาวะถี
วันแรกของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ของสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะเพื่อไทยประกาศเสียงดังฟังชัดไม่รับหลักการตั้งแต่วาระแรก เหตุมีการจัดสรรงบประมาณไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ เปรียบเทียบให้เห็นกันมาตั้งแต่สำรวจเนื้อหาของร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้ มีการจัดสรรงบให้กองทัพมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่รู้กันอยู่เต็มอกวิกฤติโควิด-19 ยังไม่สงบและต้องสู้รบกันไปอีกนาน
อรชุน
วันแรกของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ของสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะเพื่อไทยประกาศเสียงดังฟังชัดไม่รับหลักการตั้งแต่วาระแรก เหตุมีการจัดสรรงบประมาณไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ เปรียบเทียบให้เห็นกันมาตั้งแต่สำรวจเนื้อหาของร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้ มีการจัดสรรงบให้กองทัพมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่รู้กันอยู่เต็มอกวิกฤติโควิด-19 ยังไม่สงบและต้องสู้รบกันไปอีกนาน
ไม่ต้องบอกว่าเรือดำน้ำกับชีวิตประชาชนอย่างไหนสำคัญกว่า งบที่ไม่จำเป็นสามารถยืดเวลาออกไปได้ ส่วนเงินที่จะต้องใช้ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานต้องรีบจัดสรรและปันส่วนให้ทันต่อการรับมือภัยคุกคามที่เป็นเชื้อโรคร้าย ตรงนี้ให้การแก้ไขมีประสิทธิภาพต้องผ่องถ่ายอำนาจหรือมอบอำนาจให้กับกระทรวงหรือส่วนงานที่มีความเชี่ยวชาญตัดสินใจและแก้ปัญหาเด็ดขาด ไม่ใช่รวบอำนาจไว้กับมือผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและบรรดาลิ่วล้อด้านความมั่นคง
ตลอดระยะที่ต่อสู้กับโควิด-19 มานานร่วมสองปี โดยที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมีอำนาจเต็มและมีการรวบอำนาจจากกฎหมายทั้งหมดมาไว้ในมือ พิสูจน์แล้วว่าไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหา ได้คุยโม้แค่การควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศได้ในระลอกแรกเท่านั้น แต่พอเกิดการติดเชื้อแล้วระบาดตั้งแต่ระลอกสองตลาดกลางกุ้งสมุทรสาคร จนมาถึงระลอกล่าสุดสถานบันเทิงย่านทองหล่อ มองเห็นกันเต็มตาศักยภาพในการแก้ปัญหาและบริหารจัดการเละตุ้มเป๊ะ
ประเด็นสำคัญคือวัคซีนที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกต ทักท้วงพร้อมมีข้อเสนอแนะมาตั้งแต่ก่อนและหลังการระบาดรอบสอง แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อสอพลอมองเห็นเป็นการเตะตัดขา ดักคอ ไม่ใช่ความหวังดี โจมตีว่าฝ่ายตรงข้ามทำให้เป็นเรื่องทางการเมือง แต่สุดท้ายเมื่อเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติประชาชนต่างรู้กันดีว่า ใครกันแน่ที่เล่นการเมือง เรื่องวัคซีนและความพร้อมเพื่อรับประกันความปลอดภัยของประชาชนไม่ใช่เรื่องเลือกตั้งหลังรัฐประหารที่จะชักเข้าชักออกได้ตามแต่ใจ
ผ่านมาจนถึงนาทีนี้ยังไม่กล้ายอมรับความจริง แอสตราเซเนกาไม่สามารถส่งมอบได้ทันกับการฉีดปูพรมให้ประชาชนที่จะประเดิมในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ แทนที่จะสารภาพแล้วแจกแจงสิ่งที่เป็นอุปสรรคและปัญหาให้กับประชาชนรู้ กลับเล่นเอาล่อเอาเถิดเตลิดเลอะเทอะกันไปใหญ่ แอปพลิเคชันหมอพร้อมที่สร้างเป็นตัวชูโรงมาตั้งแต่เริ่มต้น กลายเป็นตัวตลกหมอไม่พร้อมและต้องปิดตัวไม่ให้คนลงทะเบียนฉีดวัคซีนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
คำถามสำคัญก็คือ ช่องทาง (ซื้อเวลา) ที่อ้างว่าให้ผ่านเครื่องมือที่แต่ละจังหวัดสร้างขึ้นนั้น มันตอบโจทย์เป้าหมายที่เคยตั้งกันไว้ก่อนหน้านั้นหรือไม่ หรือเห็นว่าจวนตัวแล้ว ไม่มีใครจับได้ไล่ทัน ก็ออกลูกสะเปะสะปะกันไปแบบนี้ ตีกรรเชียงกันไปเรื่อย ๆ เหมือนเคยหลอกคนไทยและผู้นำทั่วโลกเรื่องการเลือกตั้ง นั่นมันยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสืบทอดอำนาจติดลบต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และไม่ต้องเที่ยวไปโทษคนโน้นหรือฝ่ายนั้นว่าให้ข่าวทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
อย่างที่ นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความตอกย้ำปมแอสตราเซเนกาความจริงที่ศบค.ไม่กล้าบอกความจริง ไม่รู้ว่าทำไมต้องอมพะนำหรือแค่กลัวเสียหน้า รู้กันอยู่ว่าวัคซีนจากสยามไบโอไซเอนซ์นั้นเป็นความหวังสำคัญยิ่ง แต่เป็นวัคซีนลอตแรกการผลิตย่อมมีอุปสรรค ความชำนาญก็ยังมีไม่มาก ผลิตแล้วก็ต้องนำไปตรวจรับรองโดยบริษัทแม่ เมื่อพบความเบี่ยงเบนของค่าต่าง ๆ ก็ต้องนำกลับมาแก้ไขให้ได้ตามมาตรฐาน แม้ทำเต็มที่แต่ก็ยังล่าช้าและมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์
ในสัญญาการส่งมอบวัคซีนแอสตราตกลงไว้ว่า จะมีวัคซีนในสิ้นไตรมาส 2 คือมิถุนายน ซึ่งแปลว่าส่งมอบใน 1-30 มิถุนายนก็ไม่ได้ผิดสัญญา ส่วน 7 มิถุนายนนั้นเป็นเรื่องที่ศบค.กำหนดเอง เพื่อลดเสียงก่นด่าเรื่องทำไมไม่มีวัคซีนให้ฉีด เมื่อผลิตวัคซีนได้น้อยและช้ากว่าที่ตั้งธงไว้ การระบาดก็รุนแรงความต้องการฉีดพุ่งสูง จึงเป็นมิถุนาแห่งความโกลาหล แผนการกระจายวัคซีนตอนนี้สร้างความปวดหัวแก่โรงพยาบาลอย่างมาก เพราะเปลี่ยนโผแทบทุกวัน
น่าสนใจคือ 7 มิถุนายนต้องมีวัคซีนแอสตรามาฉีดให้กับคนไทย นี่คือความอยู่รอดครั้งสำคัญของรัฐบาล แผนสองจึงเกิดขึ้นวัคซีนแอสตราจากเกาหลีคือคำตอบสุดท้าย ข่าววงในบอกว่ารัฐบาลจ่ายหนักสั่งด่วนมาจากเกาหลี 5 แสนโดสมาแก้ขัดให้ทัน 7 มิถุนายน และสั่งซิโนแวคมาอีกมากกว่า 3 ล้านโดส สำหรับใช้แทนแอสตราที่ขาดหายไป คนที่ลงทะเบียนไว้ส่วนหนึ่งจะได้รับการเชิญชวนให้ฉีดซิโนแวคแทน เหมือนอย่างที่คนซึ่งคุมกระทรวงคุณหมอแก้ตัวไว้ก่อนหน้าวัคซีนจีนยี่ห้อนี้คนที่อายุเกิน 60 ปีก็สามารถฉีดได้
คำตอบดังกล่าวถูกมองว่า “มักง่าย” เพราะถ้ามันฉีดได้และดีจริงทำไมไม่ฉีดให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตั้งแต่ต้น และการรีบแจ้นไปฉีดเข็มสองทั้งที่ของขาดและประชาชนต้องรอไปอีกนานมันหมายความว่าอย่างไร การันตีความมักง่ายอีกอย่างของรัฐบาลเฮงซวยก็คือ การที่มีข่าวว่าจะให้เอาวัคซีนแอสตรา 1.8 ล้านโดสฉีดปูพรมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อยุติการระบาด เพราะเข็มแรกของแอสตราก็เกิดภูมิแล้วถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ซิโนแวคเข็มแรกเกิดภูมิน้อยกว่า
มันสะท้อนถึงการเลือกปฏิบัติและแบ่งชั้นวรรณะกันเช่นนั้นหรือ รู้ทั้งรู้ว่าซิโนแวคคือวัคซีนที่คนต่างจังหวัดปฏิเสธที่จะฉีด อย่ามาอ้างตัวเลขว่าก็คนแห่จองฉีดกันจำนวนมาก รู้กันอยู่แล้วว่าตั้งแต่เกิดลำปางโมเดล ทำให้ศบค.กดดันทุกจังหวัดเกิดการเลียนแบบ มีการผสมโรงใส่ชื่อผู้สนใจฉีดวัคซีนมาใส่โดยไม่ได้สอบถามความประสงค์เจ้าตัวจนยอดการจองนั้นมากขึ้นเป็น 10 เท่า พอวัคซีนไม่มาตามนัดก็เลยยิ่งแย่ มี demand แต่ไม่มี supply
มาถึงตรงนี้มองไปยังวันที่ 7 มิถุนายนไม่ต้องถามถึงความรับผิดชอบจาก ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ และ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะสองผู้รับผิดชอบโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนแอสตราเซเนกา ถ้าไม่มีฉีดให้ประชาชนแล้วต้องลาออกกันไหม ขนาดความรับผิดชอบในการชี้แจงข้อเท็จจริงกับประชาชนยังไม่กล้าที่จะทำ มิหนำซ้ำ ยังหน้าด้านแถกันไปสารพัดโดยมีหมอ (ขี้ข้า) การเมืองทั้งหลายคอยเป็นลูกคู่ ทำกันได้เท่านี้ไม่ต้องมองถึงสถานการณ์โควิดในไทยว่าจะดีขึ้นหรือไม่ เอาแค่ให้ทรงตัวไม่ทรุดมากไปกว่านี้ก็เต็มกลืนแล้ว