เขียนวัวให้เสือกลัว
ผมหัวเราะแรงและซ้ำ ๆ ๆ จนเกือบตกเก้าอี้ เมื่อได้อ่านแถลงข่าวของ ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่งผู้บริหาร JKN กรณีปล่อยข่าวสร้างความเข้าใจผิดธุรกิจ-ราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา
พลวัตปี 2021 : วิษณุ โชลิตกุล
ผมหัวเราะแรงและซ้ำ ๆ ๆ จนเกือบตกเก้าอี้ เมื่อได้อ่านแถลงข่าวของ ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่งผู้บริหาร JKN กรณีปล่อยข่าวสร้างความเข้าใจผิดธุรกิจ-ราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา
ไม่เคยได้หัวเราะแรง ๆ แบบนี้มานานหลายเดือน….ยิ่งอ่านซ้ำยิ่งน่าหัวเราะมากกว่าเดิม
พอจะนึกภาพล่วงหน้าได้เลยว่า น้องแอน หรือ นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการผู้จัดการ และกรรมการรวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN
จะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นคำสั่งของ ก.ล.ต.ที่ออกมา
ยิ่งในเอกสารดังกล่าวมีคำห้อยท้ายแบบ “เขียนเสือให้วัวกลัว” หรือ “เชือดไก่ให้ลิงดู” อันน่ารักหน่อมแน้มด้วย ยิ่งต้องลนลานรีบกระทำตามให้ไวที่สุด….เพราะบทลงโทษที่ออกมานั้น จิ๊บจ๊อยเสียเหลือเกิน ค่าปรับทางแพ่ง 2.16 ล้านบาท เพื่อแลกกับการล้างความผิดในคดีอาญา ที่ออกคำสั่งแค่ดึงขนหน้าแข้งให้น้องแอนสักครึ่งเส้นเท่านั้นเอง
ลองอ่านดูต้นฉบับของ ก.ล.ต.ว่าน่ารักแค่ไหน…
สืบเนื่องจากมีข่าวปรากฏในหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์หลายแห่ง กรณีการเผยแพร่ข้อความการดำเนินธุรกิจของ JKN ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะชี้นำราคาหุ้น JKN และสำนักงาน ก.ล.ต.ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน เกี่ยวกับการกระทำของนายจักรพงษ์ที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมายในกรณีดังกล่าว
ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าเมื่อวันที่ 8-9 มีนาคม 2564 นายจักรพงษ์ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในลักษณะว่า JKN เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กัญชงเจ้าแรกเจ้าเดียว และเช่าเวลาสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเพื่อดำเนินธุรกิจแบบ 24 ชั่วโมง โดยสื่อความในทำนองว่าผลการดำเนินงานของ JKN จะดีขึ้นอย่างมาก หรือราคาหุ้น JKN จะปรับตัวสูงขึ้นมาก
รวมทั้งมีข้อความในลักษณะชักชวนให้รีบซื้อหุ้น JKN ซึ่งข้อความที่นายจักรพงษ์เผยแพร่ดังกล่าว อาจทำให้ประชาชน และผู้ลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงานราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลอื่นใดของ JKN ที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหรือต่อการตัดสินใจลงทุนใน JKN
การกระทำของนายจักรพงษ์เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 240 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคสอง และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายจักรพงษ์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินจำนวน 2,166,840 บาท
หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่าย เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด ก.ล.ต.จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ.กำหนด จนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต.นำส่งกระทรวงการคลัง
ข่าวอันน่ารักดังกล่าวน่าจะจบลงไปตอนนี้ แต่นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล หรือ “พี่แป๋ว” เลขาธิการ ก.ล.ต. ที่ไม่มีบทบาทอะไรเลยใน ค.ม.พ. ขอยื่นหน้ามาขอร่วมซีนตามประสานักประชาสัมพันธ์ที่รู้กาลเทศะด้วยการกล่าวว่า ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน หรือบุคคลใด ต้องระมัดระวังในการสื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์นั้น นอกจากนี้ หากข้อความที่สื่อสารหรือเผยแพร่ ไม่เป็นจริง หรืออาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลใดที่เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน บุคคลที่สื่อสารหรือเผยแพร่ข้อมูลลักษณะดังกล่าวอาจมีความผิดตามกฎหมายได้
บอกตรง ๆ ว่า การกระทำของ ค.ม.พ.และเลขาธิการ ก.ล.ต. นอกจากไม่ส่งผลสะเทือนอะไรเลยต่อน้องแอนแล้ว อาจจะเข้าข่ายส่งเสริมทางอ้อมให้ผู้บริหาร บจ. ทั้งหลายเลียนแบบมากขึ้น เนื่องจากบทลงโทษที่ต่ำกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากการชี้นำหรือสร้างราคาหุ้น จะเร่งให้การกระทำผิดสูงขึ้นตามธรรมชาติ
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ ราคาหุ้นในช่วงกระทำผิดของน้องแอน พุ่งขึ้นจาก 8 บาท ต่อเนื่องกันสามวัน ไปที่ระดับเหนือ 11.00 บาท บวกไป 3 บาท ด้วยวอลุ่มซื้อขายแน่นขนัดเหมือนเตี๊ยมกันมาดีล่วงหน้า คิดเป็นมูลค่ากำไรเกินกว่า 5-600 ล้านบาท เทียบกับบทลงโทษไม่ได้เลยครับ
ยิ่งมีข้อกำหนดว่าจ่ายค่าปรับแล้ว ไม่ต้องรับผิดทางอาญา เพราะเสมือนไม่เคยกระทำผิดเลย
งานนี้ เข้าสูตร “มีเงิน จ้างผีโม่แป้งได้” ชัดเจน
ตลกมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ