3 ตัวแปร..หุ้นไปแรง

* ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ถึงกับนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน (เดี๊ยนไม่ได้อยู่กับผู้) มีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องด้วยกัน ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องแนวต้านทางจิตวิทยาบริเวณ 1,600 จุด ต่อเนื่องถึงเรื่องแรงซื้อฝรั่งที่เข้ามาในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ และเรื่องสุดท้ายเป็นความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนขนาดไหน? ซึ่งเป็นตัวแปรที่ “ชี้เป็น” และ “ชี้ตาย” ตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้นะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ถึงกับนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน (เดี๊ยนไม่ได้อยู่กับผู้) มีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องด้วยกัน ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องแนวต้านทางจิตวิทยาบริเวณ 1,600 จุด ต่อเนื่องถึงเรื่องแรงซื้อฝรั่งที่เข้ามาในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ และเรื่องสุดท้ายเป็นความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนขนาดไหน? ซึ่งเป็นตัวแปรที่ “ชี้เป็น” และ “ชี้ตาย” ตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้นะจ๊ะ

* สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เดี๊ยนต้องรีบ คลี่กี่เพ้า..อุ๊ย..คลี่ปมร้อน เพื่อช่วยเปิดมุมมองให้กับแฟนคลับแบบทะลุปรุโปร่ง หลังดัชนีวิ่งขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,618.59  จุด บวกไป 25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.16 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการยืนเหนือแนวต้านสำคัญในรอบปีครึ่ง  แถมมองในเชิงเทคนิคที่ว่าด้วยเรื่อง  Triple Top ก็เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า  ถึงเวลาสร้างฐานใหม่ที่บริเวณนี้จริง ๆ นะคะ

* ประกอบกับท่าทีของฝรั่งหัวทองเริ่มกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง พร้อมกับมีผู้รู้อธิบายการกลับเข้ามาซื้อเที่ยวนี้ตั้งอยู่บนความคาดหวังการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าเป็นหลักนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการกลับท่าทีแบบ 360 องศา ซึ่งเป็นช็อตที่ต้องดูกันอีกระยะหนึ่งว่า การกลับเข้ามาเที่ยวนี้จริงจังแค่ไหน? เพราะข้อมูลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกหัวทองขายหุ้นไทยสะบั้นหั่นแหลกเลยเจ้าค่ะ

* เรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับปัญหาฉีดวัคซีนในไทยโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นระบบลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนเออเร่อร์ คนบางกลุ่มยังไม่อยากฉีด จำนวนวัคซีนไม่พอฉีด บรรดาหมอ ๆ ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งเรื่องดราม่าที่มีต่อวัคซีน ฯลฯ ล้วนเป็นตัวแปรที่สั่นคลอนการลงทุนในตลาดหุ้นเต็ม ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับอ่านหมากเกมนี้ไปพร้อมกันว่า ปลายทางแฮปปี้เอ็นดิ้งจริงไหมเอ่ย?

* งานนี้ต้องให้แฟนคลับประเมินสถานการณ์ว่า ทุกอย่างเอาอยู่เหมือนที่เชื่อไหม? เพราะเรื่องนี้จะเป็นตัวชี้ขาดการเคาะขวารัว ๆ ควรทำในทันทีหรือเปล่า และประเด็นทั้งหมดที่เอ่ยมานั้น “โมนิก้า” ถือเป็นการบ้านที่นักเล่นควรไปคิดอีกทีหนึ่ง  หลังข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นรายวันเปลี่ยนเร็วมากเหลือเกิน จึงต้องมองแต่ละเรื่องอย่างมีแบบแผน ไม่เช่นนั้นจะหลงเข้าไปเล่นเกมฝรั่งหัว..นะจะบอกให้

* ในเมื่อไล่ราคากันแบบดุเดือด “โมนิก้า” เลยขอหันไปดูหุ้นที่ยังขึ้นไม่มาก เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องเซฟตัวเองกันบ้างดีกว่า และตัวที่อยากเม้าท์ถึงเที่ยวนี้ขอมองไปที่  EA หลังราคาหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 61.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 833 ล้านบาท เทียบกับราคาฐานที่เคาะไปเคาะมาแถว 60 บาท เดี๊ยนเลยมองว่า “ดาวน์ไซด์ต่ำ อัพไซด์สูง” พะยะค่ะ

* เช่นเดียวกับในรายของ WHA เพิ่งขยับขึ้นแรงวันแรก ก่อนจะมาปิดที่ 3.20 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 960 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่เน้นลงทุนระยะกลาง ผนวกกับในช่วงครึ่งปีหลังมีเรื่องราวให้ติดตามเยอะพอสมควร เดี๊ยนถึงมองยอดแรกที่หุ้นเคยขึ้นไปแถว 3.40 บาท ไม่ใช่เรื่องยาก เผลอ ๆ อาจมีลุ้นยอดสองที่เคยทำไว้แถว 3.60 บาทด้วยนะคะ

* ส่วนตัวคาดหวังของพวกกองทุนอย่าง CRC ก็เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าจะได้รับผลดีจากการฉีดวัคซีนครบทั้งประเทศ จึงเป็นช็อตของการมองยาว ๆ ไปในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งจะทำให้ทุกคนเห็นหลายอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่า พวกนกรู้จะเข้ามาเก็บหุ้นเงียบ ไม่กระโตกกระตาก วานนี้จึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 34.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 413 ล้านบาทแบบเนียน ๆ ไงล่ะคะ

* ในเมื่อต้องการซัดยาว “โมนิก้า” ย่อมไม่ลังเลใจที่จะมองไปยังหุ้น JMART เพราะปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ของเขามาดีจริง และการที่หุ้นยังยืนอยู่ในระดับ 39.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 246 ล้านบาท ย่อมเป็นจุดที่เหมาะต่อการทยอยสะสม และเมื่อเทียบกับยอดเดิมที่เคยทำไว้บริเวณ  45 บาท มันไม่มีอะไรต้องวอรี่เลยพับผ่าซิ!..เฮียตุ้มคอนเฟิร์ม..มมม

Back to top button