สังคมข่าวหุ้นนิวส์เวฟ
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศ ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2558 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายอยู่ที่ 1,375.17 จุด ปรับลดลง 4.15 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.3 หมื่นล้านบาท
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศ ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2558 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายอยู่ที่ 1,375.17 จุด ปรับลดลง 4.15 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.3 หมื่นล้านบาท
* ตลาดหุ้นไทยปิดลบกันไปอีกวัน ผู้ขายสุทธิมีแค่เจ้าเดียว นั่นคือ ต่างชาติ สาดออกรวมทั้งสิ้น 4,918 ล้านบาท ส่วนกลุ่มซื้อสุทธิได้ไปสามประสาน โดยรายย่อยยังคงเป็น “ป๋าใหญ่” ประจำตลาด เพราะทุ่มซื้อสุทธิ 4,326 ล้านบาท ตามด้วยสถาบัน 386 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 204 ล้านบาท * วันนี้ มีหลายประเด็นข่าวให้พูดถึง เริ่มตัวแรกกันก่อนเลย SCC เมื่อวานโดนถล่มหนักจนปิดลบกันไปถึง 472 บาท ดิ่งกันเกินกว่า 4% มูลค่าการซื้อขายแน่นผิดปกติกว่า 2,800 ล้านบาท
* มีรายงานข่าวกันออกมาว่า หุ้น SCC มีความเสี่ยงถูกลดน้ำหนัก จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่คงต้องตามดูกันต่อไป แต่งานนี้นิวส์เวฟ ขอมองสวนทางว่า แพนิคเกินเหตุ
* เพราะหากคิดกันแบบตามเนื้อผ้า งบไตรมาส 3 ที่ตลาดชอบมองว่าชะลอตัวเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2 แต่เอาเข้าจริงแล้วยังมีลุ้นฟาดกำไรเฉียดระดับ 1 หมื่นล้านบาท นั่นหมายความว่า ถ้าเทียบกับช่วงปีก่อนที่มีกำไรประมาณ 7.8 พันล้านบาท ยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
* ขณะที่ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดช่วงอนาคต แม้จะไม่เพิ่มขึ้นหวือหวาเหมือนในอดีต แต่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวจากปัจจุบัน ถึงได้บอกว่า แพนิคเกินไปไง หุ้นไหลมาขนาดนี้ ต้องทยอยสะสมสถานเดียว
* บางคนบอกหุ้นบลูชิพช่วงนี้หมดเสน่ห์ ถ้าในเชิงภาพรวมโดยเฉพาะกลุ่มพลังงานน่ะใช่ แต่คงต้องยกเว้นหุ้น AOT แล้วล่ะ
* ล่าสุด AOT รายงานตัวเลขยอดผู้โดยสารเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ เดิมทีแล้วตลาดกังวลว่า ยอดผู้โดยสารจะลดลง แต่ที่ไหนได้กลับโตขึ้นสวนกระแส
* โดย AOT ระบุว่า เฉพาะเดือนสิงหาคม มีตัวเลขโตขึ้นทะลุ 20% ที่สำคัญยอดรวมผู้โดยงวด 11 เดือน พุ่งเกิน 99 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 22% เข้าไปอีก โอ้โห พื้นฐานแข็งแกร่งเกินคาดจริงๆ ซึ่งงบปี 58 เหลืออีกแค่เดือนเดียวงวดกันยายน ดูแล้วระดับกำไรเกิน 15,000 ล้านบาท คงไม่ใช่เรื่องยาก
* ข้ามมาต่อกันด้วยหุ้น WHA ได้รับข่าวดี คือการส่งตัวลูก WHA-W2 ลงสนามเทรดนั่นเอง ซึ่งมีการประเมินว่าวอร์แรนต์จะวิ่งเกินระดับ 50 สตางค์ เลยทีเดียวแหละ
* แน่นอนหาก WHA-W2 คึกคัก ย่อมส่งผลบวกต่อหุ้นแม่ WHA ให้ราคาเพิ่มตามเช่นกัน จากนั้นจะเข้าสู่ภาวะวิ่งกวดราคาระหว่างแม่และลูก
* ฟากหุ้น TASCO-BH ได้ปัจจัยบวกไปพร้อมๆ กัน เพราะทั้งสองบริษัทจัดอันดับเครดิตต่างอัพเกรดทั้งคู่
* เริ่มจาก TASCO ค่ายฟิทช์สั่งเพิ่มเครดิตเป็น A- จากเดิม BBB+(tha) ขณะที่ BH ทางฝั่งทริสเรทติ้งปรับเครดิตเป็น A+ จากเดิมระดับ A
* งานนี้ ถือเป็นอัพเกรดขนานใหญ่ โดยเฉพาะ TASCO ที่มีเครดิตไต่สู่ระดับ A เท่ากับยิ่งดึงดูดเหล่าสถาบันและกองทุนทั้งหลายมากขึ้น ส่วน BH วันนี้ราคาคงกลับมารีบาวด์สักทีหลังจากปิดลบติดต่อกันหลายวัน
* หุ้น STPI ช่วงระยะสั้นน่าจับตาเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่วันนี้ไปต้นไปจะเริ่มต้นโครงการซื้อหุ้นคืนอย่างเป็นทางการ วงเงินระดับ 2,000 ล้านบาท เรียกได้ว่า ช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นลงได้เพียบ
* ที่สำคัญภายใต้แบ็กล็อกที่มีอยู่กว่า 7,000 ล้านบาท เห็นว่าประมาณครึ่งหนึ่งจะรับรู้เข้างวดครึ่งปีหลังเต็มๆ จึงหนุนให้ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นได้ชัดเจน
* หุ้น AJD มีคนถามว่ายังเข้าเทรดดิ้งได้ไหม ตอบเลยว่าได้ แต่ขอเตือนว่ามีความเสี่ยงสูงไม่เบา เพราะอย่าลืมหากวิ่งแรงเกินไปมีสิทธิติดคุกแคชบาลานซ์เช่นกันนะ จึงขอให้ระมัดระวังกันด้วย
* ปิดท้ายด้วยหุ้นน้องใหม่ KOOL ผู้ผลิตสินค้าสร้างความเย็นพัดลมไอน้ำ ทำราคาแรงตั้งแต่เปิดตลาดถึงระดับ 3.54 บาท โดยทำราคาสูงสุดของวันที่ 3.68 บาท
* จากนั้นเผชิญแรงขายทำกำไรกดให้หุ้นถอยลงมา แต่สุดท้ายยังคงรักษาฐานแข็งแกร่ง ปิดบวกที่ 2.74 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 52% จากราคาไอพีโอ 1.80 บาท จึงพูดได้เต็มปากเลยว่า สร้างความสดชื่นให้นักลงทุนเต็มที่