ฝรั่งโบกมือลา?โมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นที่ชาวหุ้นยังคงเคลือบแคลงสงสัยเป็นประจำเวลาที่เข้าซื้อหุ้นรอบใหม่ มักหนีไม่พ้นเรื่องหุ้นจะไปได้ไกลแค่ไหน? ซึ่งเป็นคำถามฮอตฮิตติดชาร์ตประจำทุกสัปดาห์ และวานนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทุกสายพร้อมใจร้อยท่อต่อสายตรงมาหา “โมนิก้า” พร้อมกับยิงคำถามดังกล่าวในทันที ซึ่งตัวอีฉันก็เคยย้ำจุดยืนในเรื่องนี้ไปแล้วหลายครั้งว่า ซอยถี่ๆ เพื่อความคล่องตัวในการทำรอบเจ้าค่ะ


*ประเด็นที่ชาวหุ้นยังคงเคลือบแคลงสงสัยเป็นประจำเวลาที่เข้าซื้อหุ้นรอบใหม่ มักหนีไม่พ้นเรื่องหุ้นจะไปได้ไกลแค่ไหน? ซึ่งเป็นคำถามฮอตฮิตติดชาร์ตประจำทุกสัปดาห์ และวานนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทุกสายพร้อมใจร้อยท่อต่อสายตรงมาหา “โมนิก้า” พร้อมกับยิงคำถามดังกล่าวในทันที ซึ่งตัวอีฉันก็เคยย้ำจุดยืนในเรื่องนี้ไปแล้วหลายครั้งว่า ซอยถี่ๆ เพื่อความคล่องตัวในการทำรอบเจ้าค่ะ

*เนื่องจากวานนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นักเล่นรอบในบ้านเราเยอะจริงๆ จากที่ดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุด 1,364.73 จุด หลังจากนั้นหุ้นค่อยๆ เด้งขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะจบลงที่บริเวณ 1,375.17 จุด ลบไป 4.15 จุด ด้วยมูลค่า 3.35 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ฟันธงลงไปในทันทีว่า นี่คือเกมหุ้นที่เคยเห็นกันมาแล้ว 1 รอบใหญ่ๆ และครั้งนี้กำลังก่อตัวเป็นรอบที่ 2 โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,360-1,400 จุด จำได้หรือเปล่า?

*งานนี้ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมายให้เปลืองสมอง เพราะแค่รู้ว่า การแกว่งตัวออกด้านข้างในระนาบดังกล่าวจะเกิดบ่อยขึ้น อันเนื่องมาจากนักลงทุนกลุ่มต่างๆ กำลังเงี่ยหูฟังข่าวดีจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหลายคนรู้ดีว่า ไม่ค่อยมีอะไรที่น่ารื่นรมย์สักเท่าไหร่? แถมทุกวันนี้ยังพยายามหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ เดี๊ยนถึงไม่ค่อยหวังอะไรมากมายในช่วงเวลาแบบนี้ไงล่ะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ SCC ถ้าวิเคราะห์ตามรูปการณ์จะเห็นว่า นักวิเคราะห์ทั่วสารทิศให้เป้า 600 บาท แต่วันนี้กลับโดนถล่มอย่างหนักหน่วง จนแทบจะหาทางกลับบ้านไม่เจอ “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่เกิดจากฝรั่งปรับลดน้ำหนักการลงทุน หุ้นถึงรูดลงมาปิดที่ 472 บาท ลบไป 20 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่า 2.80 พันล้านบาท พร้อมกับอยู่ในช่วงทำ double bottom บริเวณ 466 บาท วันนี้ถึงต้องเด้งขึ้นสถานเดียว ไม่เช่นนั้นทรงจะเสียนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ KTB และ SCB อาจเหลือแก๊ปให้ลงอีกนิดหน่อยก็จริง แต่ถ้าลงมาถึงจุดเด้งกลับบริเวณ 16.80 บาท และ 130 บาท แล้วหุ้นไม่กลับทิศกลับทางตามตำราที่เขียนไว้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า “ซี้แหงแก๋” พร้อมกับเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ถูกกว่านี้น่าจะมีให้เห็นอีก! งานนี้จริงเท็จแค่ไหน? เดี๊ยนขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกันเจ้าค่ะ

*ส่วนที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเต็มสองลูกตาแล้วก็คือ TASCO วานนี้ไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 29.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่า 580 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นการปิดเกมตามแผนที่วางไว้อย่างสวยหรู หลังจากหุ้นพยายามขึ้นมาพักใหญ่ๆ ล่าสุดก็ขึ้นมาใกล้กับราคาเป้าหมาย 30 บาทนั้น มันเป็นอะไรที่นักเล่นต้องไปคิดต่อกันเอาเอง เพราะหน้าที่ของเดี๊ยนจบลงแค่ตรงนี้..อิอิอิ

*เหมือนกับสิ่งที่ “โมนิก้า”  พยายามอธิบายมาตลอดเวลาว่า หากดูแบบผิวเผิน IFEC อาจยังขยับขึ้นไปได้ไม่ไกลก็จริง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปยังแผนจ่ายไฟเข้าระบบที่เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๊ยนถือว่า ราคาปิดที่ระดับ 10.70 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่า 670 ล้านบาท ยังเป็นจุดทยอยลงทุนได้สบายๆ ไม่เชื่อลองกริ๊งกร๊างไปถาม “เฮียอ๋า” ดูก็ได้ เพราะเฮียรู้เรื่องตัวเลขต่างๆ ของบริษัทเป็นอย่างดีนะซี

*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ QH ภายใต้การบัญชาการรบ “ชัชชาติ” น่าจะเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของคนที่มีเงินเย็นช้อนซื้อเก็บไว้ในพอร์ต บวกกับรูปแบบการขึ้นเป็นลักษณะขึ้น 2 วัน ลง 1 วัน แกว่งตัวออกด้านข้าง 3 วัน ต่อจากนั้นก็ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ “โมนิก้า” มักเม้าท์ถึงเป็นประจำ ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.62 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 250 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการ follow นะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของ AUCT ดูในมุมของเซียนเทคนิคต้องยอมรับว่า หุ้นกำลังอยู่ในช่วงสร้างฐานแถว 12 บาท และพยายามยกฐานแนวรับให้สูงขึ้นกว่าเดิม แต่เผอิญโดนดักเทขายที่ระดับ 14 บาทเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับกระโจนใส่ไปเลย แม้ว่าหุ้นจะขึ้นมาปิดที่ 13.30 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาทแล้วก็ตาม เพราะตามตำราเขาบอกไว้ว่า การขึ้นรอบที่ 3 หุ้นมักจะทะลุแนวต้านสำคัญไปได้นะจ๊ะ

*ตบท้ายกันที่วานนี้ฝรั่งสาดหุ้นออกมาทั้งสิ้น 4.91 พันล้านบาท และเมื่อนับเฉพาะเดือนนี้เทขายออกมาเกือบ 10,000 ล้านบาท แต่ถ้ามองตั้งแต่ต้นปี 58 ทิ้งออกมา 9.60 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า ฝรั่งไม่เอาหุ้นไทยจริงๆ และดูเหมือนว่า ยังมีของที่จะสาดออกมาอีกเยอะพอสมควร จึงต้องระวังการเข้าลงทุนในหุ้นบลูชิพมากเป็นพิเศษ เพราะหุ้นกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนเทขายหนักสุดนะจะบอกให้

*มิหนำซ้ำ! กองทุนกับปอบผีฟ้า ก็มีท่าทีชักเข้าชักออก พร้อมกับหันมาเล่นบทเผลอเมื่อไหร่ เข้าข้างหลังเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นโอกาสที่ดัชนีจะผงกหัวขึ้นอย่างบูรณาการ เพราะทุกคนยึดหลักประคองตัวให้รอดไปวันๆ บวกกับไม่มีใครมองการลงทุนไปข้างหน้าอีก 1-3 เดือน ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแบบนี้..อย่าหวังอะไรสูงไปกว่านี้อีกเลย เพราะมันมีแต่เจ็บตัว..น้องโมขอร้อง!

Back to top button