พาราสาวะถี
อย่างที่บอกไว้ไม่มีผิด การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ของสภาผู้แทนราษฎร สองพรรคการเมืองประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย อภิปรายเป็นพระเอกแต่พอบทลงคะแนนก็กลายเป็นแมวเซาเชื่อง ๆ ไม่มีแตกแถว เป็นภาพสะท้อนให้เห็นแล้วว่านักเลือกตั้งนั้นเขามองถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนหรือเล็งผลแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง เหล่านี้คือสัจธรรมของการเมืองไทย
อรชุน
อย่างที่บอกไว้ไม่มีผิด การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ของสภาผู้แทนราษฎร สองพรรคการเมืองประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย อภิปรายเป็นพระเอกแต่พอบทลงคะแนนก็กลายเป็นแมวเซาเชื่อง ๆ ไม่มีแตกแถว เป็นภาพสะท้อนให้เห็นแล้วว่านักเลือกตั้งนั้นเขามองถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนหรือเล็งผลแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง เหล่านี้คือสัจธรรมของการเมืองไทย
ถามว่ารอยปริแยกทางความรู้สึกมีหรือไม่ ถ้าเป็นบาดแผลตามทางร่างกายคงจะเป็นรูพรุนไปหมดแล้ว แต่จำต้องเก็บอาการเพื่อผลประโยชน์ที่ตัวเองพึงมีพึงได้ ส่วนการอภิปรายร่างฯ งบประมาณที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจบ่นว่าอึดอัด น้อยใจที่คนกันเองซัดกันแบบเน้น ๆ ไม่ไว้หน้านั้น ก็เป็นเพียงหน้าฉากหนึ่งที่ต้องการเป็นกระจกเงาสะท้อนไปถึงผู้ยึดครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ อย่าได้เหิมเกริมจนลืมบุญคุณของคนที่ร่วมองคาพยพด้วย
สุดท้ายไม่ใช่เรื่องที่ว่าเจรจากันลงตัว เพราะเรื่องนี้มันจบกันตั้งแต่ตั้งงบประมาณมาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ต้องแตกแถวในการอภิปราย เพื่อให้ที่ประชุมสภาฯ ได้บันทึกไว้เป็นเครื่องช่วยจำว่าสองพรรคร่วมรัฐบาลได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณไว้แบบไหนอย่างไรบ้าง หากเกิดปัญหาขึ้นมาในอนาคตจะได้เป็นหลักฐานว่ามีการเตือนเอาไว้แล้ว ปลายทางหากเกิดการสะดุดก็จะเป็นความรับผิดชอบของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อสอพลอไปเต็ม ๆ
ไม่ต้องไปพูดถึงกระบวนการตรวจสอบขององค์กรที่จะสามารถเอาผิดได้ เพราะตั้งแต่หลังการยึดอำนาจและอยู่กันยาวมาถึงขบวนการสืบทอดอำนาจ องค์กรเหล่านั้นไม่ต่างจากสากกะเบือดี ๆ นี่เอง ไม่เพียงแต่จะไม่จัดการอะไร หลายครั้งหลายหนยังส่งสัญญาณกันแบบโต้ง ๆ เอาผิดไม่ได้ มิหนำซ้ำ ยังเผลอให้กำลังใจกันอีกต่างหาก จะทำไงได้ในเมื่อคนที่มีอำนาจคือผู้มีพระคุณทั้งในอดีต ปัจจุบันและไม่แน่ว่าอาจจะเจือจานกันไปจนถึงอนาคตด้วย
หมดวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณไปแล้ว วันพุธนี้ร่างพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่ต้องพูดถึงวิธีการอธิบายของฝ่ายสืบทอดอำนาจ ไม่มีอะไรต้องแจกแจงให้มากมายยืนกระต่ายขาเดียว นี่เป็นช่องทางการใช้เงินเพื่อกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจและชีวิตปากท้องของประชาชนจากการระบาดของโควิด-19 ไม่สนใจว่าใครจะครหาเป็นการ “ตีเช็คเปล่า” ตรวจสอบไม่ได้ เมื่อองค์กรตรวจสอบไม่ทำงานเสียอย่าง ใครหน้าไหนจะมาตรวจสอบได้อีก
เหลือสิ่งที่ต้องเผชิญงานหนักกันอย่างจริงจังสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคือ การแก้ไขสถานการณ์ของโควิดให้กลับเข้าสู่ภาวะการติดเชื้อลดน้อยถอยลงให้ได้ มาจนถึงนาทีนี้ยังมองไม่ออกว่าจะทำกันแบบไหน ตัวเลขผู้ป่วยรายวันแตะหลักเกือบสามพันตลอด บางวันทะลุสูงไปกว่านั้น พร้อม ๆ กับการพบคลัสเตอร์ระบาดใหม่ผุดขึ้นยังกะดอกเห็ด และเกิดขึ้นในพื้นที่กทม.เสียด้วย มันจะช่วยให้ตัวเลขหยุดนิ่งได้อย่างไร
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า การระบาดในระลอกแรก ยังขีดวงจำกัดและกระบวนการสอบสวนโรคทำงานได้ผลจนได้รับเสียงชื่นชม เช่นเดียวกับการระบาดระลอกสองแม้ตัวเลขจะมาก แต่กลุ่มก้อนที่เกิดการระบาดไม่ได้กระจายตัว ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวในสมุทรสาคร ส่วนบรรดาพ่อค้าแม่ขายที่รับเชื้อจากตลาดกลางกุ้ง ก็สามารถติดตามตัวและควบคุมการระบาดได้ แต่ระลอกนี้การระบาดจากระดับวีวีไอพี ผู้ที่เกี่ยวข้องบอกได้คำเดียวว่า ไม่มีปัญญาที่จะสอบสวนโรคและเปิดไทม์ไลน์เพื่อการเฝ้าระวังกันได้อีก
มันจึงเหลือทางรอดเดียวที่จะช่วยกันควบคุมได้คือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ผ่านการฉีดวัคซีน แน่นอนว่า กระบวนการบริหารจัดการที่ล้มเหลวมาตั้งแต่ต้น จนถึงนาทีนี้ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการทางการแพทย์ที่เป็นจริงได้ ไม่พูดถึงการแพทย์ทางการเมือง ความล่าช้าในการเริ่มฉีดและจำนวนวัคซีนที่จะนำมาฉีดไม่เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่เวลานี้ สิ่งที่เป็นบทพิสูจน์ความล้มเหลวต่อเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี คือการยกเลิกฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในหลายจังหวัดเพราะได้รับจัดสรรวัคซีนจำนวนน้อยมาก
ชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นผลมาจากการเตรียมการวางแผนที่ผิดพลาด เพราะการแทงม้าตัวเดียวตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล อ้างว่ามุ่งใช้เป็นวัคซีนหลัก เมื่อปริมาณวัคซีนไม่มาตามนัด มันก็ทำให้เสียรังวัดถึงขั้นที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจหัวเสียเพราะเสียหน้าอย่างหนัก ไม่ว่าจะเล่นลิ้นกันด้วยเงื่อนไขในสัญญาอย่างไร วัคซีนแอสตร้าเซเนกาส่งมอบภายในเดือนมิถุนายนนี้ตามจำนวนที่ระบุไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องภายในวันที่เท่าไหร่
นี่ก็เป็นความชุ่ยอีกประการหนึ่ง เมื่อไม่แน่ใจว่าจะได้ของตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ แล้วทำไมศบค.ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถึงไปประกาศขีดเส้นว่าจะปูพรมฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป แต่ท้ายที่สุดจบลงด้วยการประกาศเลื่อน การเสียความรู้สึกของประชาชนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความเสียหายของประเทศในแง่ของการที่จะได้ตั้งต้นสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้รวดเร็วขึ้น ต้องเนิ่นช้าออกไปและยิ่งนานวันไปมากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงโอกาสของการแพร่ระบาดที่จะกระจายตัวเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
จึงไม่แปลกที่ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนกาในประเทศไทย จะตอกฝ่ายกุมอำนาจหน้าหงาย รัฐบาลควรจะสั่งซื้อวัคซีนหลายทางเลือกให้ประชาชน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องสุขภาพและชีวิตของประชาชน การเลือกแทงม้าตัวเดียวและเป็นสยามไบโอไซเอนซ์นั้น มันกลายเป็น pain point หรือ จุดเจ็บปวด ของบริษัทและคนทำงาน
ประเด็นนี้คนที่สถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลคงไม่เข้าใจ สิ่งสำคัญคือเมื่อเกิดความล่าช้าจนกลายเป็นความเสียหน้าและเสียหาย คนก็มองไปยังบริษัทของไทยที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งที่ความจริงก็คือ การจัดสรรวัคซีนให้รัฐบาลไทยนั้นเป็นเรื่องของบริษัทผู้เป็นเจ้าของจะดำเนินการ นี่ไงที่เป็นอีกหนึ่งจุดซึ่งคนมองว่าบางทีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ทำบางเรื่องให้คลุมเครือเพื่อประโยชน์ตัวเองโดยที่ทำให้บางอย่างแปดเปื้อนโดยไม่สมควร