EFORL แค่เปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ
ราคาหุ้น EFORL ที่เคยได้ชื่อว่าเข็นไม่ขึ้น ที่ระดับแถว ๆ 0.06 บาทค่อยขยับตัวขึ้นมาวันละ 1-2 สตางค์ ในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาอย่างผิดสังเกต ก่อนมีข่าวใหญ่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาขยับมานอนรออยู่ที่แถว ๆ 0.10 บาท
พลวัตปี 2021 : วิษณุ โชลิตกุล
ราคาหุ้น EFORL ที่เคยได้ชื่อว่าเข็นไม่ขึ้น ที่ระดับแถว ๆ 0.06 บาทค่อยขยับตัวขึ้นมาวันละ 1-2 สตางค์ ในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาอย่างผิดสังเกต ก่อนมีข่าวใหญ่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาขยับมานอนรออยู่ที่แถว ๆ 0.10 บาท
ตอนแรกคิดว่ามาจากข่าวเรื่องที่บริษัทนี้ รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกมีกำไรสุทธิครั้งแรกในรอบหลายปี แม้จะไม่เยอะแยะอะไร และไม่ได้ช่วยให้กำไรสะสมที่ติดลบมากมายดีขึ้นสักเท่าใด แต่ก็ถือเป็นข่าวดี เพียงแต่แค่กำไรไตรมาสเดียวยังไม่เพียงพอ ข่าวใหญ่ก็ตามมาว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการขายหุ้นทั้งหมดของ บมจ.ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง (WCIH) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (WCIG) มีสถานะเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทถือหุ้นอยู่จำนวน 101,849,993 หุ้น คิดเป็น 56% จากจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท WCIH ในราคาหุ้นละ 0.01 บาท รวมเป็นเงิน 1,018,499.93 บาท ให้แก่นางทัศนี คนการ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน ทั้งนี้ ภายหลังจากการทำรายการจะส่งผลให้ WCIH สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยบริษัทจะทำรายการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2564
แม้การให้เหตุผลในการขายทิ้งของคณะกรรมการบริษัทจะออกมาในเชิงง่ายเกินไปกว่าการขายหุ้นในวุฒิศักดิ์ คลินิก จะออกมาเรียบ ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะแม้จะทำให้ขาดทุนมากกว่า 5 พันล้านบาท แต่เป็นการตัดมะเร็งร้ายที่ทำลายมูลค่าของบริษัทมายาวนาน ราคาหุ้นของ EFORL ที่ขานรับอย่างลิงโลดสำหรับข่าวดังกล่าว ขึ้นมายืนอยู่แถว ๆ 0.18 บาท จึงเป็นการตอบรับเชิงบวกที่น่าสนใจ
ถามว่า นี่เป็นข่าวดีจริงหรือไม่ ตอบได้ว่าดี.. แต่ยังต้องพิสูจน์โมเดลธุรกิจใหม่ ที่คณะกรรมการบริษัทจะสามารถกลับมาทำให้มีกำไรสุทธิต่อเนื่อง จนสามารถล้างขาดทุนสะสมได้มากแค่ไหน โดยไม่ต้องพึ่งพาวิศวกรรมการเงินประเภท ลดทุน เพิ่มทุน อีกต่อไป
ในอดีตที่ผ่านมาภายใต้การนำของนายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ อดีตผู้บริหารของบริษัท PICNI ที่โด่งดังในอดีต ได้เข้าเทคโอเวอร์บริษัทเน่าทางด้านสื่อชื่อ AIM เพื่อเข้าตลาดทางประตูหลัง แล้วกะว่าจะใช้ชื่อของวุฒิศักดิ์ คลินิก เป็นตัวผลักดันกำไรสู่กิจการเดิมขายเครื่องมือแพทย์ที่ ”มาเรื่อย ๆ ไปเรียง ๆ”
บังเอิญวิสัยทัศน์เกิดไม่ทำงาน เพราะการกู้เงินจากธนาคารกว่า 5 พันล้านบาท เพื่อซื้อกิจการของ WCIH กลายเป็นหายนะทางการเงินเพราะทำให้ EFORL กลายเป็นบริษัทที่ขาดทุนเรื้อรัง
นักลงทุนระดับแมงเม่าที่ซื้อข่าวเรื่องวุฒิศักดิ์ คลินิก เป็นสตอรี่ ต้องติดหล่มราคาหุ้นจากระดับ 2.00 บาท จนร่วงลงมาเหลือระดับ 0.06 บาท โดยไร้ความหวังใด ๆ จะมีเรื่องปลอบใจบ้างก็ตรงที่มีการเพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์ฟรี เป็นระยะ ๆ ท่ามกลางข่าวฉาวจากความฟอนเฟะของ วุฒิศักดิ์ คลินิก จนกระทั่งข่าวร้ายสุดที่เกิดจากกลางปีที่แล้วเมื่อวุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (WCIG) ยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งทำให้ความหวังฟื้นกิจการสลายไปด้วย
จากนั้นก็มีข่าวนายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ถอดใจทิ้งกิจการขายหุ้นให้กับกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ กลุ่มที่นำโดยนายวิชัย ทองแตง นักกฎหมายคนดัง
นายวิชัยนั้นเคยสร้างชื่อจากการเข้าเทกโอเวอร์กิจการที่ขาดทุนป่นปี้ในตลาดมาแล้วหลายครั้ง ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง จึงไม่ขลังเหมือนช่วงแรก ๆ ที่ฮือฮามากเมื่อกว่า 10 ปีก่อน
แรก ๆ เข้ามาของนายวิชัย คือการเปลี่ยนตัวกรรมการบริษัท โดยที่นายวิชัยไม่เป็นกรรมการเหมือนยุคแรก ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้กิจการดีขึ้นมากมาย จนกระทั่งเริ่มเห็นผลชัดเจนในไตรมาสแรกของปีนี้ แล้วตามด้วยข่าวใหญ่ขายทิ้งวุฒิศักดิ์ คลินิก
เพียงแค่การปรับทิศทางเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีผลให้ EFORL กลายเป็นหุ้นที่นายวิชัยกับพวกทำกำไรหลายเท่าจากการเข้าซื้อกิจการเน่า ๆ มาปรับปรุง แต่เข้าใจว่าเป้าหมายคงจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะการขายย้ายกลุ่มกิจการก็ส่อเค้าลางให้เห็นชัดว่า ยังมีแผนงานในอนาคตรออยู่
ถามว่า ในอนาคตของ EFORL จะพาราคาหุ้นกลับขึ้นไปเหลือ 1.00 บาทได้หรือไม่
อย่าถามนายวิชัยเลย เพราะเขาคงไม่ตอบแน่นอน