พาราสาวะถี
เมื่อไม่กล้าบอกความจริงกับประชาชนเพราะเกรงว่าจะเป็นการยอมรับความล้มเหลวของตัวเองในการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 มันจึงเกิดการโยนความรับผิดชอบกันไปมา ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับกทม. โดยที่ศบค.ซึ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่งเป็นผู้อำนวยการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ลอยตัวเหนือปัญหา ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายแรกต่างก็ชี้นิ้วย้อนกลับมาว่าการจัดสรรวัคซีนเพื่อกระจายฉีดให้กับคนทั้งประเทศนั้นมาจากศบค.
เมื่อไม่กล้าบอกความจริงกับประชาชนเพราะเกรงว่าจะเป็นการยอมรับความล้มเหลวของตัวเองในการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 มันจึงเกิดการโยนความรับผิดชอบกันไปมา ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับกทม. โดยที่ศบค.ซึ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่งเป็นผู้อำนวยการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ลอยตัวเหนือปัญหา ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายแรกต่างก็ชี้นิ้วย้อนกลับมาว่าการจัดสรรวัคซีนเพื่อกระจายฉีดให้กับคนทั้งประเทศนั้นมาจากศบค.
พอเกิดปัญหาพร้อมกันทั่วประเทศ ที่หนักหนาสาหัสที่สุดคือกทม. หลังจากที่โรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ต่างพากันประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนโควิดระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายนนี้ออกไป จนกว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีน โดยมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งก็คือนมะรักษ์ถึงขั้นระบุข้อความว่า “หากมีข้อสงสัยติดต่อคอลเซ็นเตอร์ หรือติดต่อรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีน สำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง”
นี่คือหลักฐานตอกย้ำความไม่เอาไหนในเรื่องบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล และก็เป็นการประจานว่าเหตุที่ปิดระบบหมอพร้อมในการรับลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนนั้น ไม่ใช่เพราะต้องการกระจายให้แต่ละพื้นที่ไปรับจองคิวจากประชาชนกันเอง แต่เป็นเพราะวัคซีนไม่มาตามนัดต่างหาก จนนำมาซึ่งความยุ่งยากในการจัดสรรวัคซีน ขณะที่เมื่อถามไปถึงความรับผิดชอบจาก อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหน่วยงานที่กระจายวัคซีนก็เอาแต่โบ้ยอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับกระทรวงเพราะรับออเดอร์มาตามบัญชาของศบค.
แน่นอนว่า ประชาชนต่างจังหวัดที่กลายเป็นพลเมืองชั้นสองไปโดยปริยายนั้น พอฟังคำแก้ตัวของเจ้ากระทรวงคุณหมอก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ กระทรวงจัดสรรวัคซีนให้กทม.ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วไป 5 แสนโดส ทั้งที่กระทรวงตกลงจะจัดสรรให้กทม. 1 ล้านโดส นี่ยังไม่ถึง 2 สัปดาห์ กระทรวงส่งให้กทม.ไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นตกลงไว้ 1 ล้าน ส่งไปแล้ว 5 แสน “คำว่าวัคซีนไม่ได้ส่งจากกระทรวงสาธารณสุข พูดไม่ได้ พูดอย่างนี้ปราศจากความรับผิดชอบ”
ไม่เพียงเท่านั้น ยังโฟกัสไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงของกทม.คือ สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์อีกต่างหากว่า ควรจะต้องบริหารจัดการวัคซีนที่ได้รับไปจากกระทรวงสาธารณสุขให้ดีที่สุด กระทรวงสาธารณสุขจัดการทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบไปให้กทม.หมดแล้ว กทม.บอกว่าจะรับวัคซีนล้านโดส ตกลงกันไว้แบบนี้สธ.ก็ส่งให้ทันที 500,000 โดส จริง ๆ จะส่งให้แค่ 250,000 โดสด้วยซ้ำ แต่วัคซีนมาก็ส่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลายเป็นว่ากระทรวงสาธารณสุขทำคุณบูชาโทษ
สมกับเป็นพรรคที่มุ่งมั่นสร้างคะแนนนิยมในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยแท้ โดยเฉพาะภาคอีสานและใต้ จึงไม่แยแสต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในกทม. ขณะเดียวกันการตีโพยตีพายรอบนี้ก็ทำให้เข้าใจกันกระจ่างเสียทีว่าทำไมผู้นำเผด็จการจึงรวบอำนาจไว้กับตัวเองทั้งหมด เพราะท่านรัฐมนตรีบอกว่าขอความกรุณาอย่าบอกว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ทำอะไร หาวัคซีนทั้งหมดก็กระจายไปตามคำสั่งของศบค.หมดแล้ว ตามเวลาที่กำหนดไว้ ถ้ากระทรวงเป็นคนวางแผนเอง เป็นคนบริหารจัดการให้ฉีดเอง ค่อยมาโทษกระทรวง
จุดสำคัญของเรื่องนี้มันอยู่ที่ว่า แล้วศบค.ทำงานภายใต้คำแนะนำของใครเป็นด้านหลัก เมื่อไล่บี้ไปถามผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะอ้างว่า ศบค.ไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองและคณะกรรมการส่วนอื่น ๆ แต่ฟังบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งหมายถึงในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขเป็นด้านหลัก สรุปแล้วประชาชนควรจะเชื่อใครดี มีแต่คนจะคอยรับความชอบ พอมีปัญหาไม่ต้องถึงขั้นว่ายอมรับผิดก็ได้ แค่พูดความจริงกับประชาชนยังไม่กล้ากันแม้แต่น้อย
ความจริงเรื่องวัคซีนไม่พอนั้น ชมรมแพทย์ชนบทได้เตือนมาเป็นระยะอยู่แล้ว และก็จี้ให้ฝ่ายที่รับผิดชอบประกาศความจริงให้ประชาชนรู้ แต่ก็ไม่ทำ ซึ่งทางแพทย์ชนบทได้โพสต์ข้อความหัวข้อลับลวงพราง วัคซีนโควิด ตอน 10 ความจริงของสัปดาห์หน้า แอสตร้าจะมาช้า ซิโนแวคมีไม่พอ ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณกันไปในทีแล้ว แต่ผู้เกี่ยวข้องก็ไม่ตระหนัก ปล่อยให้เกิดเป็นปัญหา แล้วมีเสียงวิจารณ์ด่าทอก่อนจึงค่อยมาแก้กันทีละเปลาะ
เหมือนอย่างกรณีสำนักงานประกันสังคมที่ประกาศว่าจะปิดปรับปรุงศูนย์ฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนไปจนถึง 28 มิถุนายน ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็กลับลำเปลี่ยนใหม่ ตอนนี้แก้ไขเสร็จแล้วพร้อมฉีดให้ 36 ศูนย์ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนนี้ ส่วนที่เหลือจะเร่งปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็ว มันคืออะไร นี่ไม่ใช่การเล่นขายของหรือทำตัวเป็นเด็กพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยเปื่อย มันสร้างความสับสนต่อคนที่รอรับบริการ สิ่งสำคัญคือคนเหล่านี้ยังมีภาระที่จะต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ต้องมารองรับความแปรปรวนไม่เอาไหนของฝ่ายกุมอำนาจ
ตามที่ชมรมแพทย์ชนบทระบุ สัปดาห์ที่ 14-20 มิถุนายน จะเป็นสัปดาห์แห่งความโกลาหลในการแก้ปัญหาหน้างานเช่นเดิม เพราะวัคซีนแอสตร้าเซเนกา 1.5 ล้านโดสที่รับปากว่าจะมาให้ทันฉีดในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายนนั้น ส่งมอบไม่ทัน กำหนดส่งเป็น 16-18 มิถุนายน ทางศบค.กำลังเจรจาขอให้ส่งเร็วขึ้นเป็น 15 หรือ 16 มิถุนา เร็วขึ้น 1 วันก็ยังดี เมื่อแอสตร้าฯ มาช้ากว่ากำหนด ซิโนแวคจึงต้องรับบทหนักมาเป็นวัคซีนขัดตาทัพเช่นเดิม
แต่รอบนี้จะสาหัสกว่าเก่า เพราะข้อเสียเปรียบของซิโนแวคเมื่อเทียบกับแอสตร้าฯ คือ ซิโนแวคต้องนัดเข็ม 2 ห่างไป 3 สัปดาห์ ไม่ใช่ 16 สัปดาห์เหมือนแอสตร้าฯ ทำให้ซิโนแวคที่ได้มาไม่สามารถเอามาฉีดให้ผู้จองวัคซีนรายใหม่ได้ทั้งหมด จึงต้องเก็บไว้ปิดเข็มสองด้วย ผู้ใหญ่ในรัฐบาลควรจะแถลงยอมรับความจริง สร้างความเข้าใจกับประชาชน และเอื้อให้หน้างานบริหารจัดการวัคซีนได้โดยไม่ต้องเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องดังเช่นที่ผ่านมา
เชื่อว่าคนทั้งประเทศคงเห็นด้วยกับสิ่งที่สมาชิกชมรมแพทย์ชนบทคุยกัน ด้วยที่มีความงงอยู่ประการสำคัญคือ ทำไมรัฐบาลหรือศบค.ไม่แถลงความจริง ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย มิเช่นนั้น ชมรมแพทย์ชนบทจะทำหน้าที่ศบค.เงา แถลงแจ้งข่าวบอกเล่าความจริงต่อสาธารณะแทนไปก่อน จนกว่าศบค.จะทำหน้าที่นี้ก็แล้วกัน แปลกดีเหมือนกันปากก็บอกว่าเข้ามาเพื่อทำให้ทุกอย่างโปร่งใส ไร้ทุจริต แต่แค่เรื่องง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนอย่างวัคซีนยังไม่กล้าเปิดเผยความจริง แล้วเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือมันจะไว้ใจได้อย่างไร