ถึงเวลาเขย่าหุ้น ?

* อาการของตลาดหุ้นไทยที่ออกไปในทาง “ขึ้นวัน ลงวัน” เหมือนบอกให้รู้ว่า ปฏิบัติการเขย่าหุ้นเพื่อทดสอบกำลังใจได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว และจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามปัจจัยที่เข้ามากระทบในแต่ละวัน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนโยกหุ้นกันอย่างว่องไว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และบางส่วนจะเลือกใช้วิธีรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อนลงมือเคาะขวาตามกระแสนะจ๊ะ


* อาการของตลาดหุ้นไทยที่ออกไปในทาง “ขึ้นวัน ลงวัน” เหมือนบอกให้รู้ว่า ปฏิบัติการเขย่าหุ้นเพื่อทดสอบกำลังใจได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว และจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามปัจจัยที่เข้ามากระทบในแต่ละวัน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนโยกหุ้นกันอย่างว่องไว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และบางส่วนจะเลือกใช้วิธีรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อนลงมือเคาะขวาตามกระแสนะจ๊ะ

* ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่มูลค่าการซื้อขายในบางวันจะเริ่มต่ำกว่าระดับ 1 แสนล้านบาท และแรงขายเริ่มกระจุกตัวในหุ้นที่ทะยานขึ้นแรงก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาดูการยืนปิดที่ 1,633.06 จุด ลบไป 3.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.51 หมื่นล้านบาท เริ่มเข้าเค้าเรื่องที่เกริ่นนำให้ฟังขนาดไหน? เพราะตรงนี้จะเป็นตัวชี้ว่า ถึงเวลาที่ต้องโหนกระแสแล้วหรือยังนะออเจ้า!

* เหล่านี้เป็นประเด็นที่นักเล่นต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพราะเดี๊ยนมองไม่ออกเหมือนกันว่า ตลาดหุ้นไทยจะเดินหน้าขึ้นไปได้อย่างไร? ในเมื่อหุ้นหลายตัวเด้งรับข่าวดีขึ้นไปค่อนข้างเยอะ จึงเหลือแก๊ปให้ขึ้นต่อไม่มากสักเท่าไหร่! รวมทั้งหุ้นหน้าใหม่ ๆ ที่ออกมาโชว์สเต็ปขั้นเทพ ก็มีเพียงไม่กี่ตัวที่มีโอกาสได้ไปต่อ จึงอยากให้แฟนคลับเผื่อทางหนีทีไล่ไว้ด้วยนะคะ

* เหมือนกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS พุ่งพรวดพราดขึ้นมาปิดที่ 3.38 บาท บวกไป 0.42 บาท หรือขึ้นไป 14.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.25 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการตามกระแสแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะโพซิชั่นถูกวางไว้ด้วยเกมหุ้นตั้งแต่แรก และผลขาดทุนที่เห็นก็เกิดจากมาตรฐานบัญชีใหม่ เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่หุ้นจะเดินหน้าขึ้นไปอีก เพราะบรรดาแมงลือก็เชียร์ให้ลุยสุดซอยพะยะค่ะ

* เช่นเดียวกับในรายของ GUNKUL กระชากขึ้นพรวด ๆ สองวันติด ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 4.42 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.14 พันล้านบาท ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายกระตู้วู้ดังระงมไปทั่วห้องค้าแบบนี้ มันสะท้อนถึงความฮอตฮิตของหุ้นได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” เลยเชื่อตามสูตรเก่า ๆ ที่ร่ำเรียนมาหลายทศวรรษว่า ต้องมีแท่งเทียนสีเขียวแท่งที่สามเกิดขึ้นแน่ ๆ..ทรงหุ้นมันได้ พื้นฐานมันเอื้อ..เจ้าค่ะ

* ส่วนรายที่น่ากังวลกลายเป็นหุ้น “ดาวรุ่งผีพุ่งใต้” อย่าง THANI เป็นหัวข้อหลักของการเม้าท์แตก เพราะข้อมูลเก่า ๆ ฟ้องว่า 3 ครั้งก่อนก็จบรอบบริเวณ 4.80 บาท  “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟน ๆ ประเมินการยืนปิดที่ระดับ 4.56 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 782 ล้านบาท ยังเหมาะต่อการเข้าไปตะลุมบอลหรือเปล่า? รวมทั้งค่า PE 14 เท่า มันทำให้สบายใจขึ้นขนาดไหน? ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

* สำหรับรายที่ทำให้หลายคนไม่สบายใจอย่างแรงในเที่ยวนี้กลายเป็นหุ้น SABUY เสียฉิบ! หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 10.90 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 12.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 162 ล้านบาท และยังทำออลไทม์ไฮ ท่ามกลางค่า PE 95 เท่า และยังโดนจับติด Cash Balance ถึงวันที่ 29 มิ.ย. มันไม่มีมุมที่ทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า หุ้นตัวนี้ปลอดภัยสำหรับแฟนคลับเลยพับผ่าสิ!  จึงขอให้ทุกท่านตัดสินใจกันเอาเอง..อิอิอิ

* เช่นเดียวกับการทะยานอย่างร้อนแรงของหุ้น INGRS ก่อให้เกิดคำถามในใจขึ้นมากมาย ไล่เรียงจากผลขาดทุนที่เห็นตัวแดงโร่มาแต่ไกล และการระบาดของโควิด-19 ก็กระทบกับธุรกิจโดยตรง หรือแม้กระทั่งอนาคตที่ยังคลุมเครือตลอดเวลา “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมายืนปิดที่ 1.04 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 10.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 302 ล้านบาท ใช่สงครามวันเดียวเหมือนที่เคยเกิดขึ้นอ๊ะป่าว?

* ส่วนคนที่คิดว่า พร้อมรับสำหรับความเสี่ยงทุกประตูหน้าต่าง  “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SMT ก่อนหุ้นตัวอื่นแบบไม่มีข้อแม้ เพราะในมุมของกำไรที่โตเด่นตั้งแต่ไตรมาส 1 และธุรกิจยังอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบเต็มตัว เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 6.95 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 23% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 717 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า PE 28 เท่าแบบนี้..มันไม่มีอะไรต้องกลัว หากงบไตรมาส 2 ยังโตได้อีก เพราะค่าพีอีน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ..จริงไหมคุณพี่!

Back to top button