เขย่าแล้วเก็บ ?
* หากมองตามเกมที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเรื่องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าประเด็นอื่น ๆ เพราะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับ “เศรษฐกิจ” และ “ตลาดหุ้น” อย่างมีนัยสำคัญ และยังทำให้ทุกสายตาโฟกัสไปที่เรื่องดังกล่าวกันเป็นแถว หลังทฤษฎีที่ร่ำเรียนกันมาบอกไว้อย่างชัดเจนว่า คราใดที่เป็นเวลาขึ้นดอกเบี้ย..ครานั้นเป็นเวลาลงของหุ้น ไงล่ะคะ
* หากมองตามเกมที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเรื่องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าประเด็นอื่น ๆ เพราะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับ “เศรษฐกิจ” และ “ตลาดหุ้น” อย่างมีนัยสำคัญ และยังทำให้ทุกสายตาโฟกัสไปที่เรื่องดังกล่าวกันเป็นแถว หลังทฤษฎีที่ร่ำเรียนกันมาบอกไว้อย่างชัดเจนว่า คราใดที่เป็นเวลาขึ้นดอกเบี้ย..ครานั้นเป็นเวลาลงของหุ้น ไงล่ะคะ
* ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่ทุกคนให้ความสนใจกับท่าทีเฟดมากเป็นพิเศษ และหันมาใช้วิธีขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต วานนี้ถึงเห็นหุ้นมีอาการยึกยัก และไม่ยอมเลือกไปทางไหนสักทาง จนสุดท้ายลงเอยด้วยการยืนปิดที่ 1,622.31 จุด ลบไป 10.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดเรื่อง “เขย่าหุ้น” ที่เดี๊ยนเม้าท์ให้ฟังเมื่อวันก่อน..ถ้าให้เดาต่อ คงเป็นเกมเก็บหุ้นที่ร่วงหนักเข้าพอร์ตพะยะค่ะ
* ถึงกระนั้น “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับเข้าใจผลกระทบที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นเพียงระยะสั้น ๆ เพราะตัวชี้ชะตาหุ้นไทยอยู่ที่ผลงานไตรมาส 2 และไตรมาส 3 เป็นไปตามที่คาดเดาขนาดไหน? รวมทั้งแนวทางเปิดเมืองเพื่อกระตุ้นเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้ผลขนาดไหน? ก็เป็นตัวบอกใบ้ให้ทุกคนรู้ว่า หากเที่ยวนี้บิวท์ไม่ขึ้นอีกล่ะก็..น่าจะถึงเวลาเผาจริงเสียทีนะจะบอกให้
* สำหรับรายที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึก “ผิดแผน.. ผิดตำรา” คงต้องมองไปที่หุ้น GUNKUL เป็นลำดับแรกของการเม้าท์แตก เพราะโดนมือดีถล่มขายตั้งแต่เปิดตลาด จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ 4.24 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.56 พันล้านบาท ทั้งที่ในมุมของสัญญาณเทคนิค ก็มาในแบบจัดเต็มทุกกระบวนท่า จึงกลายเป็นหุ้นที่เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงสักหน่อยเจ้าค่ะ
* ส่วนรายที่ต้องเอิ้นถึงเยอะหน่อยคงเป็นหุ้น STA หลังราคาหุ้นดำดิ่งสู่ช่วงขาลงเต็มตัวในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผนวกกับแรงขายยังไม่มีทีท่าจะเบาลงเลยสักนิด “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 39.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.53 พันล้านบาท มันใช่จังหวะที่ต้องทำตัวเป็นชาวสวนไหม? หลังสถานการณ์หลายอย่างไม่เข้าทางปืนแล้วน่ะสิ!
* เช่นเดียวกับหุ้นลูก STGT ประกาศกร้าวถึงแผนเติบโตยังเป็นไปตามเป้า แต่เหตุไฉนกลับมีแรงขายออกมาไม่บันยะบันยัง จนหุ้นร่วงจากยอดบนที่ทำไว้บริเวณ 49 บาท ลงมายืนปิดที่ 40.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.08 พันล้านบาท โดยแมงเม่าได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ เพราะราคาหุ้นร่วงลงเกือบ 20% ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้.. เสี่ย.ย น่าจะให้คำตอบได้ดีสุดจ้า!
* อีกรายที่โดนอ่วมตั้งแต่เช้า ก็หนีไม่พ้นหุ้น KBANK อีกตามเคย เพราะทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้นมา (ไม่ว่าดีหรือร้าย) หุ้นแบงก์ตัวนี้โดนก่อนเป็นประจำ “โมนิก้า” จึงได้แต่ทำใจเมื่อเห็นราคาหุ้นลงมานอนกลิ้งอยู่ที่ 125 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 3.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.42 พันล้านบาท แถมสตอรี่ที่จะเอามาบิวท์อารมณ์ในช่วง 2 เดือนครึ่งไม่มีอะไรจรรโลงจิตใจให้ชุ่มชื่นสักอย่างแบบนี้..ใครเขาจะเล่นล่ะพ่อคุณ!
* ตรงข้ามกับในรายของช่องน้อยสี BEC อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้ขยันเสริฟข่าวดีตลอดเวลา บวกกับคุยโวเรื่องค่าโฆษณาผ่านกระจอกข่าวทุกสัปดาห์ “โมนิก้า” เลยไม่มีปัญหาคาใจหากราคาหุ้นจะทะยานขึ้นไปอีก เพราะการยืนปิดที่ 14.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 843 ล้านบาท ล้วนมาจากความคาดหวังตัวเลขกำไรไตรมาส 2 น่าจะออกมาดีไงล่ะคะ
* ส่วนรายที่มีอาการ “ทรง ๆ ทรุด ๆ” พร้อมกับหมุนเคว้งไปมาอย่างน้องคริส KISS เดาได้ทันทีว่า นี่เป็นผลที่เกิดจากตัวเลขไม่มา ทำให้กองทุนไม่กล้ากระโจนเข้าใส่ และพยายามถอยฉากตลอดเวลาแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า การยืนปิดที่ 13.60 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 190 ล้านบาท ไม่ใช่จังหวะของการเก็บหุ้นอย่างแน่นอน เพราะภาพใหญ่ของหุ้นอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์เจ้าค่ะ