นายพลรบแพ้
ประยุทธ์พูดในวุฒิสภา ไล่ก็ไม่ไป ใครไม่เชื่อมั่นยกมือขึ้น โธ่เอ๋ย ก็ตั้ง 250 ส.ว.มากับมือ หัวหน้ารัฐประหารตั้งคนของตัวเองโหวตตัวเองเป็นนายกฯ ยังบอกว่าเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ
ประยุทธ์พูดในวุฒิสภา ไล่ก็ไม่ไป ใครไม่เชื่อมั่นยกมือขึ้น โธ่เอ๋ย ก็ตั้ง 250 ส.ว.มากับมือ หัวหน้ารัฐประหารตั้งคนของตัวเองโหวตตัวเองเป็นนายกฯ ยังบอกว่าเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ
ช็อตเด็ดโคตรขำคือ ประยุทธ์พูดถึงผลงานตัวเอง แล้วนึกไม่ออก นึกได้แต่ “คลองโอ่งอ่าง” กับสร้างถนนหนทาง นั่นมันงานระดับ ผอ.เขตหรือ อบต. อบจ. ไม่ใช่ผู้นำที่ต้องมีวิสัยทัศน์ มองไกลไปข้างหน้า สถานีรถไฟฟ้าก็เป็นแผนต่อเนื่องจากรัฐบาลก่อน รถไฟรางคู่ ยังมีกลิ่นไม่ดี ประมูลต่ำกว่าราคากลางแค่ 0.8% เหมือนนัดกัน ประยุทธ์ยังบอกว่ายุคตัวเองไม่มีทุจริต
โธ่ถัง รัฐประหารทุกยุคทุกสมัยต้องมีเงินเลี้ยงทหารคุมกำลัง รัฐบาลสืบทอดอำนาจกวาดต้อนนักการเมืองยี้ไม่ต้องตอบแทนผลประโยชน์ไม่ต้องแจกกล้วย? ทำไมตำแหน่งเลขาธิการพรรคสำคัญถึงขั้นผู้สนับสนุนยอมทุ่ม 300 ล้าน ให้สร้างผลงานถ่ายทอดบอลยุโรป
อบต.เสาไฟกินรีที่ดราม่ากัน หลังรัฐประหารถูก ม.44 สั่งแขวน ถูก สตง.เรียกเงินคืน แต่แล้วก็เงียบหาย “บิ๊กตู่” คืนตำแหน่ง ให้มาประมูลใหม่ 461 ล้าน
แต่สังคมไทยยอมรับได้กับการได้อำนาจไม่ชอบธรรม สังคมไทยเชื่อว่ายุคไหนก็โกง ทั้งที่อ้างปฏิรูปก่อนเลือกตั้งยึดอำนาจ 7 ปี ช่างมันเถอะ ทำมาหากินไป มีช่องทางก็จิ้มก้องวิ่งเต้นเส้นสาย อยู่กันไปอย่างนี้
หาคิดไม่ว่า นอกจากอำนาจไม่ชอบธรรม ผสมพันธุ์ยี้ แล้วยังห่วยแตกไร้ฝีมือ อย่างที่สะท้อนออกมาในการควบคุมโควิดและจัดหาจัดสรรวัคซีน
สั่งวัคซีนช้า แทงม้าตัวเดียว ม้าหลุดโค้ง ส่งมอบไม่ครบ ไม่ทันกำหนด ทำให้แผนการฉีดวัคซีนระส่ำ โรงพยาบาลทั้งในกรุง ต่างจังหวัด ประกาศเลื่อนนัดทั้ง “หมอพร้อม” “ไทยร่วมใจ” รพ.เอกชนโพสต์ให้ไปถามรัฐมนตรี รัฐมนตรีขู่ฟ้อง ใช้อำนาจบีบลบโพสต์ แล้วโยนกลับว่าอำนาจจัดสรรอยู่ที่ ศบค. กทม.
พูดถูกแหละ แต่เวลาอ้างผลงาน อนุทินก็ลอยหน้า พอมีปัญหาอ้างตัวเป็นหนู อำนาจอยู่ที่ราชสีห์
วัคซีนมีน้อย มาไม่ทัน ถ้ารัฐบาลพูดความจริง ก็ยังพอทำเนา แต่นี่ไม่บอกก่อน ปล่อยให้โรงพยาบาลประกาศ แล้วเกรี้ยวกราด จากนั้นจึงขอโทษ
ประเด็นสำคัญคือ ศบค.ไม่มียุทธศาสตร์ในการจัดสรรวัคซีน เมื่อวัคซีนมีน้อยจะทุ่มตรงไหนก่อน เลือกพื้นที่เสี่ยง กทม. ปริมณฑล เลือกคนสูงวัยกลุ่มเสี่ยง หรือเลือกพื้นที่เศรษฐกิจ แบบภูเก็ตแซนด์บอกซ์
ก็เทสาดไปหมด ฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ฉีดทุกจังหวัดเพื่อเอาหน้า สังขละได้ 1 ขวด 10 โดสก็ยังขึ้นชื่อว่าได้ ใน กทม.แทนที่จะทุ่มให้คนสูงวัยกลุ่มเสี่ยง เพราะคนกลุ่มนี้ติดโควิดแล้วเข้า ICU ระบบสาธารณสุขจะรับไม่ไหว ที่ไหนได้ ผู้ประกันตน ม.33 ที่เป็นหนุ่มสาวได้ฉีดก่อน
ตลกร้ายคือทั้งประยุทธ์ ทั้งเลขา สมช.ก็เป็นนายพล ไหงบัญชาการรบแบบไร้ยุทธศาสตร์ กระสุนมีจำกัดก็สั่งเรียงแถวหน้ากระดาน ยิงกราดไปเรื่อยจนกระสุนหมด แบบนี้รบกับใครก็แพ้
การจัดสรรวัคซีนยังมีข้อครหา “วัคซีนการเมือง” นักการเมืองดึงวัคซีนไปให้คนกลุ่มต่าง ๆ โชว์ผลงานตัวเอง หรือดึงลงพื้นที่ฐานเสียง จนมีคำถามว่า นี่หรือประยุทธ์ที่ทำขึงขังมาจากรัฐประหาร มีอำนาจเด็ดขาด ถ้าคุมนักการเมืองไม่ได้ก็กลับบ้านไปเลี้ยงหมาเถอะ
บริหารพังไม่พอยังแหกตา โฆษกรัฐบาลตีขลุม ไทยฉีดวัคซีนมากที่สุดอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ หน้าไม่อาย นับจากจำนวนคน ทั่วโลกเขานับจากสัดส่วนต่อประชากร ซึ่งไทยอยู่อันดับ 7 รองจากเขมร ลาวด้วยซ้ำ
ประยุทธ์ไม่ได้เพิ่งรบแพ้ แพ้มาตลอดทั้งการเมือง เศรษฐกิจ แต่การเมืองมีขั้วอำนาจหนุน เศรษฐกิจก็ปล่อยให้ประชาชนดิ้นรนกันเอง
แต่โควิดครั้งนี้หนัก ย่อยยับ กระนั้นก็ยังไม่หนักสุด เศรษฐกิจหลังจากนี้ต่างหาก ยับเยิน