พาราสาวะถี
ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนกับแผนเปิดประเทศภายใน 120 วัน อย่างที่บอกเบี่ยงกระแสเปลี่ยนเป้าจากการโจมตีความล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ไปเป็นเสียงวิจารณ์ถึงความเป็นไปได้ว่าจะเปิดประเทศได้จริงหรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่ตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขของผู้ติดเชื้อยืนพื้นที่หลักสามพันขึ้น ซึ่งไม่ต้องไปอ้างอิงหลักวิชาการใด ๆ คนโดยทั่วไปก็เข้าใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ หากตัวเลขการติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูงแบบนี้
ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนกับแผนเปิดประเทศภายใน 120 วัน อย่างที่บอกเบี่ยงกระแสเปลี่ยนเป้าจากการโจมตีความล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ไปเป็นเสียงวิจารณ์ถึงความเป็นไปได้ว่าจะเปิดประเทศได้จริงหรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่ตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขของผู้ติดเชื้อยืนพื้นที่หลักสามพันขึ้น ซึ่งไม่ต้องไปอ้างอิงหลักวิชาการใด ๆ คนโดยทั่วไปก็เข้าใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้ หากตัวเลขการติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูงแบบนี้
ดังนั้น นอกเหนือจากการใช้เป็นประเด็นเบี่ยงเบนความสนใจหรือเสียงก่นด่าจากปมวัคซีนแล้ว หากมองหาความเป็นไปได้ก็ต้องไปค้นหาว่ามีปัจจัยใดที่จะสามารถรองรับการเปิดประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่ยังไม่ลดระดับความรุนแรงอยู่ในเวลานี้ ทางชมรมแพทย์ชนบทได้มีบทวิเคราะห์ต่อเรื่องนี้ได้น่าสนใจ 120 วันเปิดประเทศนี่คือเป้า แต่แผนปฏิบัติการไปสู่เป้าหมายนี้คืออะไร มีไหม อย่างไร เรายังไม่เห็นและไม่มีใครเห็น
เพราะจากข่าววงในสุด ๆ บอกว่า การแถลงข่าวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่อเรื่องการเปิดประเทศ 120 วันในครั้งนี้ กุนซือที่ชงเรื่องมาจากสายเศรษฐกิจในนามของ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจหรือศบศ. ที่มีสภาพัฒน์เป็นเลขาฯ ใหญ่ ที่น่าสนใจคือ การตัดสินใจครั้งนี้ของท่านผู้นำ แม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสายสาธารณสุขเองก็รู้เรื่องพร้อมประชาชน นั่นหมายความว่า ผู้นำสูงสุดอาจจะคิดว่า ถ้าปรึกษาพวกหมอแล้วคงไม่ได้เปิดประเทศตามเป้าคือเดือนตุลาคมนี้เป็นแน่แท้
อย่างไรก็ตาม ตามหลักวิชาการการเปิดประเทศจะล้มหรือรุ่ง ปัจจัยสำคัญคือ สามารถควบคุมโรคจนไม่มีการระบาดใหญ่ในรอบเดือนตุลาคมเป็นต้นไปได้หรือไม่ โดยการระบาดใหญ่จะมาจาก 2 เหตุคือ วัคซีนมีไม่มากพอ และ มีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ สองปัจจัยสำคัญด้านระบาดวิทยา จำนวนวัคซีนจึงเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลสืบทอดอำนาจก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป วัคซีนแอสตร้าเซเนกาที่ไทยเป็นผู้ผลิตเอง จะได้รับการส่งมอบ 10 ล้านโดสต่อเนื่องทุกเดือน
ถึงขนาดที่การประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่งหัวโต๊ะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการวางแผนการกระจายวัคซีนพร้อมประกาศรายละเอียดให้สาธารณชนได้รับทราบ แต่เพื่อกันเหนียวและไม่ให้ต้องถูกด่าเปิงเหมือนรอบเดือนมิถุนายนที่เกิดภาวะวัคซีนไม่มาตามนั้น จึงได้มีการเจรจาขอซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 28 ล้านโดส พร้อม ๆ กับการเร่งรัดนำเข้าวัคซีนอื่น เช่น ไฟเซอร์เพื่อเร่งนำมาฉีดให้เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปหรือในกลุ่มเด็กนักเรียนนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ทางภาคเอกชนก็เร่งที่จะปิดยอดการสั่งจองวัคซีนทางเลือกเพื่อที่จะได้ประสานให้ทางองค์การเภสัชกรรม รีบสั่งจองกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อนำเข้ามาฉีดให้กับประชาชนได้เร็วกว่าที่คาดหมายกันไว้ว่าน่าจะเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่วนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่นำเข้าซิโนฟาร์ม 1 ล้านโดส วัคซีนก็ถูกจัดส่งมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ความจริงเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาเหมือนที่เป็นอยู่ถ้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและกุนซือมีวิสัยทัศน์ไม่เลือกแทงม้าตัวเดียวและยืนกระต่ายขาเดียวมาตั้งแต่ต้น
กระนั้นก็ตาม แม้ว่าจะมีวัคซีนทางเลือกเข้ามาเป็นตัวช่วยวัคซีนไม่มีทางเลือกสองยี่ห้อก่อนหน้า ก็ใช่ว่าจะเบาใจกันได้ เพราะสิ่งที่เป็นห่วงกันอย่างยิ่งสำหรับแวดวงทางการแพทย์และสาธารณสุขเวลานี้คือ เชื้อกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์อินเดีย เป็นที่รู้กันว่าอัตราการแพร่ระบาดเป็นไปได้เร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษหลายเท่าตัวนัก และก็ยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการยืนยันได้ว่า วัคซีนที่ฉีดกันอยู่เวลานี้ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนซิโนแวคนั้น สามารถรับมือกับเชื้อสายพันธุ์อินเดียได้ดีหรือไม่
นั่นเท่ากับว่า ถ้าวัคซีนมาไม่ทันการระบาด เป้าหมายของการเปิดประเทศก็เป็นหมัน หรือแม้มีวัคซีนเข้ามาต่อเนื่องและระดมฉีดกันได้มาก แต่ไม่สามารถต้านทานโควิดกลายพันธุ์ได้มันก็ไร้ประโยชน์ นี่คือโจทย์ที่ยากของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ อย่างไรก็ตาม ด้วยกลยุทธ์การเดินเกมเบี่ยงกระแส สร้างไอโอเพื่อทำให้สังคมเกิดความสับสน ก็พอที่จะถูลู่ถูกังอยู่กันต่อไปได้ โดยสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้หากตั้งใจจะอยู่ครบเทอมก็คือ การปรับครม.
สัญญาณชัดคือความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคสืบทอดอำนาจ ที่มีการปรับโครงสร้างหัวหน้ายังคงเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่เลขาธิการพรรค กลุ่มสามมิตรไม่สามารถที่จะต้านทานความใจถึงพึ่งได้ จึงพ่ายแพ้อย่างหมดรูปต่อการช่วงชิงตำแหน่งแม่บ้านพรรค ปล่อยให้ ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าไปหยิบชิ้นปลามัน ตามความต้องการของแกนนำขบวนการสืบทอดอำนาจ และก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นการปรับเพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
การประกาศหลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรคในทันทีทันใดว่าจะนำพรรคคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า นี่ย่อมเป็นบทพิสูจน์แผนการที่ได้ถูกวางกันไว้มาอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่เสนอโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน การเปลี่ยนรูปแบบบัตรเลือกตั้งจาก 1 ใบเป็นสองใบนั้นคือความตั้งใจที่จะปลดล็อกให้กับพรรคตัวเอง ที่เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าจะกวาดเก้าอี้ส.ส.ได้เป็นกอบเป็นกำ ถ้าไม่แก้ไขก็จะไม่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่เก้าอี้เดียวเหมือนพรรคเพื่อไทย
อ่านกันขาดขนาดนั้น อยู่ที่ว่าสองพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยจะยอมรับกันได้หรือไม่ พิจารณาจากท่าที ณ เวลานี้ ฟันธงไว้ได้เลยว่าไร้ปัญหา เพราะไม่ว่าจะรูปแบบใดตัวเองก็จะยังได้ร่วมรัฐบาลต่อไป เมื่ออำนาจในการร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีของส.ว.ลากตั้งยังอยู่ ก็ป่วยการที่จะไปสู้รบปรบมือ ดังนั้น คำว่าประชาธิปไตยกินได้สำหรับประชาชนจึงไม่มีอยู่จริง แต่ถ้าบอกว่าประชาธิปไตยกอบโกยได้สำหรับนักเลือกตั้งและพรรคการเมืองอันนี้จริงแท้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์