วัดใจ 1,600 จุด

* หากไล่เรียงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากการทะยานขึ้นทะลุแนวต้านหิน 1,600 จุด ต่อจากนั้นพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,630 จุด ก่อนจะโดนเทเรื่อย ๆ จนทำท่าจะหลุดแนวรับ ล้วนเป็นเรื่องราวที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องนึกถึงช็อตถัดไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? และสถานการณ์ต่อจากนี้จะมีเรื่องดี ๆ อะไรบ้างไหมเอ่ย?

* ข้อกังวลต่าง ๆ เหล่านี้แหละ!..ที่ทำให้ “โมนิก้า” คิดไม่ออกจริง ๆ เพราะสิ่งที่รับรู้เต็มอกในช่วงนี้มีแค่ฉีดวัคซีน และงบต้องดี ซึ่งจะเป็นตัวค้ำยันดัชนีอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้แฟนคลับเข้ามาตะลุยหุ้นรอบใหม่ แต่มีข้อแม้ว่า ดัชนีต้องยืนเหนือแนวรับทางจิตวิทยาให้ได้เสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยมองโลกในแง่บวกอย่างสบายใจ  จึงอยากให้แฟนคลับค่อย ๆ คิดประเด็นต่าง ๆ ไปทีละสเต็ปไงล่ะคะ

* ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวทั้งในแดนบวก และแดนลบ ก่อนจะมีแรงฮึดเพื่อยืนปิดที่ระดับ 1,612.98 จุด เหลือลบแค่ 4.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.10 แสนล้านบาท ย่อมเป็นภาพสะท้อนเรื่องราวที่ “โมนิก้า” เกริ่นให้ฟังตั้งแต่สัปดาห์ก่อน และถ้ามองจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจะรู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นจังหวะของการย่ำฐานอย่างเป็นทางการ จึงไม่มีอะไรที่ทำให้นักเล่นต้องวอรี่ หากทุกอย่างยังเป็นไปตามคาดนะพ่อคุณ

* เหมือนกับเหตุการณ์ที่เม้าท์ให้ฟังเกี่ยวกับ PTT ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในคาดการณ์ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องกรอบเล่นในระดับ 38-42 บาท ซึ่งเล่นกันมาตั้งแต่เดือน ก.พ.-มิ.ย.  ถือเป็นไกด์ไลน์ที่บอกให้รู้ว่า หากหุ้นไปต่อไม่ได้ ก็ถอยมารอที่กรอบล่าง เดี๊ยนเลยเฉย ๆ กับการลงมายืนปิดที่ 40 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.95 พันล้านบาท เพราะเป็นเรื่องที่รู้กันมาก่อนเจ้าค่ะ

* เช่นเดียวกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS ทะยานขึ้นด้วยเกมหุ้นเต็มตัว สุดท้ายก็ต้องลงไปตั้งฐานเพื่อเซตเกมใหม่อีกรอบ “โมนิก้า” จึงอยากให้ขาลุยประเมินจุดเริ่มต้นของการไล่หุ้นแบบสุดติ่งกระดิ่งแมวอยู่แถว 2.90 บาท และมีจุดจบรอบอยู่ที่ระดับ 3.50 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดยืนปิดบริเวณ 3.10 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท ใช่จุดที่เหมาะต่อการทยอยเก็บหุ้นอ๊ะป่าว?

* คล้ายกับกรณีของหุ้น STARK มีอาการซึมลงต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน แต่เพิ่งจะลงหนักในช่วง 2 วันที่ผ่านมา จนดูเหมือนจะลงมายืนแถว 3.50 บาทแบบนี้ ย่อมน่าสนใจสำหรับคนที่ชอบดักซื้อของถูก “โมนิก้า” จึงอยากให้ขาลุยประเมินราคาปิดที่ 3.80 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 625 ล้านบาท มันเป็นอาการของคนอกหักที่ไม่ได้ไปต่อระยะสั้นหรือเปล่า?..เพราะคำตอบเรื่องนี้จะบอกให้รู้ว่า ควรซื้อขนาดไหนนะออเจ้า!

* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาดูคนเล่นของอย่าง CGD เพื่อชี้ให้เห็นความโหดของเจ้ามือที่ใส่ไม่ยั้ง ต่อจากนั้นก็สะบัดตูดหนีแบบไม่บอกกล่าว แมงเม่าเลยเกิดอาการงงเต็กกันทั้งบาง เพราะเปิดเทรดไม่ถึง 10 นาที หุ้นทะยานขึ้นไปถึง 0.80 บาท พอคล้อยหลังแค่ชั่วโมงกว่า ๆ หุ้นรูดลงหน้าตาเฉย จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 0.70 บาท เหลือบวกแค่ 0.02 บาท หรือขึ้นไป 2.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 454 ล้านบาท ถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียวนะจ๊ะ

* ปิดท้ายมาดูที่กรณีล่าสุด การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น INTUCH ภายหลังกลับมาเทรดคึกคักอีกรอบ เดี๊ยนมองเป็นจุดเริ่มต้นของการวัดกำลังภายใน ระหว่างฝ่ายปลดแอก กับกลุ่มทุนต่างด้าวที่สูบประโยชน์จากกิจการมือถือและดาวเทียมของชาติแผ่นดินแม่อีโมมายาวนาน

* ซ้ำร้ายมิตรรักแฟนเพลงของ “โมนิก้า” จากย่านห้วยขวาง-สุทธิสารยังร้อยท่อส่งข่าวตรงมาถึงเดี๊ยนด้วยว่า ตอนนี้ “โบรกใหญ่” ในละแวกดังกล่าว กำลังยุ่งมือเป็นระวิงเหตุเพราะไปรับจ๊อบพวกลอดช่องมาไล่เคาะหุ้นแข่ง หวังรวบสัดส่วนไว้ให้มากสุดก่อนจะมีการตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป

* เดี๊ยนไม่แปลกใจที่อยู่ ๆ มีชื่อโบรกใหญ่ซุ้มนี้โผล่มาร่วมวงด้วย เพราะถือเป็นศูนย์รวมพวกมือระดับพระกาฬ แถมขึ้นชื่อเรื่องใจถึงพึ่งได้ขนาดเคยออกตัวรับซื้อโรงไฟฟ้า เพื่อช่วยลูกค้าเลี่ยงกฎหมายผูกขาดตลาดมาแล้วแบบฟิน ๆ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดจึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากพวกลอดช่องที่จ้องตีเนียนหากินกับธุรกิจอินฟราฯ ในบ้านเราต่อไปอย่างหื่นกระหาย

* บทเลิฟซีนที่โบรกใหญ่รายที่ว่ากำลังคลอเคลียนัวเนียกับกองทุนใหญ่สิงคโปร์อย่างดูดดื่มอยู่ในตอนนี้ จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญให้เกิดประวัติศาสตร์เรื่อง “กุหลาบแก้ว” กลับมาซ้ำรอยในยุคนี้อีกครั้งหรือไม่ “โมนิก้า” ขอให้มิตรรักแฟนเพลงอย่าได้กะพริบตา ส่วนที่ว่าจะเข้าตำราเรื่องพาโจรขึ้นบ้านด้วยหรือเปล่า?? ได้โปรดติดตามตอนต่อไปนะฮ้าาาา