หุ้นรับอานิสงส์โครงการ ‘คนละครึ่งเฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้’

โครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลเปิดให้ประชาชนเลือกลงทะเบียนได้


เส้นทางนักลงทุน

ล่าสุด 2 โครงการของภาครัฐที่จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลังจากนี้ แม้ว่าจะเป็นโครงการที่ไม่ยาวแต่ก็กระตุ้นเศรษฐกิจได้ชั่วคราวในระยะสั้น โดยมีส่วนของโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลมีการเปิดให้ประชาชนสามารถเลือกมาตรการที่ต้องการลงทะเบียนได้

สำหรับโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” ที่มีการเปิดลงทะเบียน 16 ล้านสิทธิ เริ่มไปแล้ววันแรกเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2564 และโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่มีการเปิดลงทะเบียน 4 ล้านสิทธิ เริ่มไปแล้ววันแรกเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2564 ถือเป็นมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด

ด้วยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลต่อผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยจากทางตรงและทางอ้อมไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะกลุ่มบริโภค – ค้าปลีก ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากข้อมูลทางด้านโบรกฯ ประเมินไว้ในบทวิเคราะห์

อย่างการประเมินของ บล.โนมูระ พัฒนสิน มองโครงการคนละครึ่งเฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิงได้ เริ่มเดือน ก.ค. – ธ.ค. 2564 เป็นบวกต่อกลุ่มอิงการบริโภค แนะนำในตัวของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM

ขณะที่ทาง บล.เอเซีย พลัส มองมาตรการคนละครึ่งเฟส 3 มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีประชาชนลงทะเบียนไปแล้วจำนวน 27.9 ล้ายราย คิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ของจำนวนสิทธิทั้งหมดที่รัฐกำหนดไว้ที่ 31 ล้านราย โดยโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่รัฐร่วมจ่ายค่าสินค้า-บริการ 50% ของยอดใช้จ่าย

ประกอบกับวันที่ 21 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่รัฐเปิดให้ลงทะเบียนโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” โดยรัฐจะสนับสนุน e-Voucher ผ่าน G-Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง อัตรา 10-15% ปัจจุบันพบว่ามีผู้ลงทะเบียนไปแล้วราว 1 แสนราย จากจำนวนสิทธิทั้งหมด 4 ล้านสิทธิ

สำหรับผู้ลงทะเบียนทั้ง 2 โครงการจะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป ซึ่งทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่ามาตรการทั้ง 2 จะช่วยประคองการบริโภคเอกชน และรักษาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3/2564 เอาไว้ได้ และด้านผลบวกต่อตลาดหุ้น โดยมีการให้น้ำหนักในส่วนของมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้เป็นหลัก เพราะมาตรการคนละครึ่งมักไปเน้นที่ร้านค้ารายย่อย

โดยคาดว่ามาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้จะเป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีกที่มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อใบเสร็จสูง เช่น กลุ่มซ่อมแซม-ต่อเติมบ้าน ได้แก่ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME

ต่อมา กลุ่มแฟชั่น ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, กลุ่มอุปกรณ์ไอที ได้แก่ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ IT, บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI

รวมทั้ง กลุ่มห้างสรรพสินค้า ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC

อย่างไรก็ตาม จากที่ทั้งสองโบรกฯ มีการประเมินไว้ว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีการคาดการณ์ไว้สองบริษัทที่ไปในทิศทางเดียวกัน จึงให้เป็น Top pick คือ HMPRO และ CRC

ท้ายสุดแล้ว เบื้องต้นหุ้นข้างต้นในกลุ่มบริโภค-ค้าปลีก ยังคงได้รับอานิสงส์จากโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้”

Back to top button