ซื้อท่ามกลางข่าวร้าย
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้
ในช่วงเปิดและปิดตลาด ไม่ได้อยู่นอกเหนือจากการคาดไว้ซักเท่าไหร่
แนวรับ 1,565 – 1,570 ยังไว้ใจได้
แพนิกไม่ได้แรงมาก หรือทำให้ดัชนีหลุดร่วงไปแบบ 30-40 จุด เหมือนหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ช่วงเปิดภาคเช้า ที่มีนักลงทุนเกิดการแพนิกขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐที่เพิ่งออกมา เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และร้านอาหาร
ทว่ายังมีหุ้นอีกหลายกลุ่ม หลายตัว ที่ไม่ได้รับผลกระทบ
แต่ราคาหุ้นกลับร่วงลง หรือแพนิกตาม
กลุ่มเหล่านี้ พอลงแรง เราจะพบแรงเข้ามาดักซื้อค่อนข้างมาก เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAWAD และ KTC
ตอนเช้าต่างเปิดในแดนลบ
หลังจากนั้นราคาหุ้นค่อย ๆ ฟื้นตัว และขึ้นมาปิดในแดนบวกได้
ถามว่ากลุ่มนักลงทุนไหนที่เข้ามาเก็บ
คำตอบ…. น่าจะมีกองทุนเข้ามาทยอยซื้อเข้าพอร์ต
เพราะหากไม่ใช่กลุ่มกองทุน ลำพังแรงซื้อรายย่อยคงไม่สามารถซื้อแล้วดันราคาฟื้นขึ้นมาแบบเมื่อวานได้
แนวโน้มวันนี้ เท่าที่ดูความเห็นนักวิเคราะห์จากหลายสำนัก
ต่างยังคงมองว่าดัชนียังจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และอาจจะอิงขาลง
แต่แนวรับ 1,560 – 1,565 ยังไว้ใจได้
ประเด็นต่างประเทศเช่น เรื่อง ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตรงนี้ไม่ได้เป็นประเด็นที่น่ากังวลแล้ว
หลังได้รับการคอนเฟิร์มว่า ปี 2565 ยังไม่น่าจะมีการปรับขึ้นแน่นอน
ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่จะเข้ามามีผลกระทบกับตลาดหุ้นหนัก ๆ
เท่าที่ดูตอนนี้ ก็ยังไม่มีอะไรเช่นกัน
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยตอนนี้ น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยในประเทศไทยเป็นหลัก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นเอเชีย ยุโรปปิดขึ้น
ส่วนของไทยปิดร่วง
ล่าสุดวานนี้ที่ปิดลบ 3.50 จุด มาที่ 1,579.17 จุด
ถือว่าเป็นการปิดในแดนลบเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันแล้ว
การลงของดัชนีต่อเนื่องที่ว่านี้ เป็นการลงแบบค่อย ๆ “ซึมลง” คือ แต่ละวันที่ปรับลงจะปิดลบเพียงไม่กี่จุด เช่น 1.90 จุด, 4.67 จุด, 3.05 จุด มากสุดก็ 11.85 จุด
ล่าสุด มีข้อมูลจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO
คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 2564 หรือ ณ สิ้นปีไว้ 1,680 จุด เพิ่มจาก 1,650 จุด
ส่วนปี 2565 ดัชนี จะพุ่งขึ้นเป็น 1,800 จุด
ปัจจัยหลัก ๆ มาจากเรื่องสภาพคล่องยังมีอยู่มาก อัตราดอกเบี้ยต่ำ และกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ยังเติบโตขึ้น
FETCO คาดหมายว่า ปีนี้ กำไรของ “บจ.” จะกระโดดถึง 56%
“แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่อาจจะเป็นการปรับตัวขึ้นที่ไม่ร้อนแรงเหมือนกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19” FETCO ระบุ
สรุปง่าย ๆ FETCO มองภาพค่อนข้างบวกกับตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง
รวมไปถึงปีหน้าด้วยที่ดัชนียังเดินไปข้างหน้า
ในปี 2563 ที่เป็นช่วงเริ่มต้นโควิด-19
นักลงทุนหลายคนที่ยังมีเงินสดในมือ
ต่างสบช่องเข้าเก็บหุ้นกันจำนวนมาก เพราะต่างมองว่า การเข้าซื้อในช่วงท่ามกลางข่าวร้าย
นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
เช่นเดียวกับปีนี้ ที่แม้ว่าจะมีข่าวร้ายออกมา (เพราะปัญหาโควิดยังไม่จบ) แต่ก็เชื่อว่า ในที่สุดก็จะถูกแก้ปัญหาได้
เราจึงเห็นดัชนีไม่ได้ร่วงลงแรง เพราะมีแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนที่มองเห็นโอกาส