สเต็ปเดิม..พารวย?
* หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค. ในรูปแบบของ W-Shape ซึ่งมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1,550-1,600 จุดเป็นหลักจะรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะนี้มาจากพฤติกรรม “ลากแล้วทุบ” ของนักเล่นที่เป็น “กองทุน” กับ “ฝรั่ง” ทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากไปถามหาเหตุผลอื่นให้เสียสายตา เพราะแค่รู้ว่า เรื่องทั้งหมดไม่สวยงามเหมือนที่คิด จึงเลิกทำตัวเป็นพวกโลกสวยไงล่ะคะ
* หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค. ในรูปแบบของ W-Shape ซึ่งมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1,550-1,600 จุดเป็นหลักจะรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะนี้มาจากพฤติกรรม “ลากแล้วทุบ” ของนักเล่นที่เป็น “กองทุน” กับ “ฝรั่ง” ทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากไปถามหาเหตุผลอื่นให้เสียสายตา เพราะแค่รู้ว่า เรื่องทั้งหมดไม่สวยงามเหมือนที่คิด จึงเลิกทำตัวเป็นพวกโลกสวยไงล่ะคะ
* สิ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้ทุกคนกลับไปคิดในเที่ยวนี้คือ การทิ้งดิ่งลงไปถึง 1,565.31 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,579.17 จุด ลบไป 3.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.88 หมื่นล้านบาท มันใช่จังหวะของการทำตัวเป็นชาวสวนหรือเปล่า? ซึ่งเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่นักเล่นเคยเห็นจนชินตา และมักปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศการลงทุน ผลสุดท้ายเลยพบกับความผิดหวังเป็นประจำ เพราะดันเจอกับรายการ “ขายหมู ซื้อหมา” ไงล่ะคะ
* นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจรูปแบบการขึ้นลงของดัชนีมีสเต็ปหลัก ๆ อยู่ด้วยกัน 3 สเต็ปในช่วงที่ผ่านมา ไล่เรียงตั้งแต่จุดเด้งกลับอย่างเป็นทางการยังอยู่ที่ 1,550 จุด ส่วนสเต็ปถัดมาเป็นเรื่องของแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,600 จุด ขณะที่สเต็ปสุดท้ายเป็นจุดของการ take profit ซึ่งตอนนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ระดับ ไล่เรียงจากจุดแรก 1,630 จุด และอีกหนึ่งด่านอยู่ที่บริเวณ 1,650 จุดนะจะบอกให้
* วันนี้ถึงไม่ต้องถามว่า ควรทำตัวแบบไหน? ควรเล่นหุ้นตัวไหน? และ ควรขายตอนไหน? เพราะรูปแบบการขยับตัวที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้กับเที่ยวก่อนไม่ต่างกันเลย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับรู้จักโอนอ่อนผ่อนปรนไปตามจังหวะของตลาดหุ้น และไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวฝืนธรรมชาติอีกต่อไป เพราะการขึ้นของตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้ขึ้นอยู่กับการระบาดของ “โควิด-19” และเม็ดเงินในระบบ “เศรษฐกิจ” จะหมุนเวียนขนาดไหนพะยะค่ะ
* โดยเฉพาะในรายของหุ้นถั่วเหลือง TVO เริ่มขยับขึ้นมาปิดที่ 32 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51 ล้านบาท มันเป็นสเต็ปการเคาะแบบเล่นรอบสั้น ซึ่งเคยเห็นกันมาแล้วในช่วงที่หุ้นดีดตัวขึ้นไปถึง 38 บาท ต่อจากนั้นย้อยตัวลงมายืนแถว 31 บาท “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยวอรี่กับการทะยานขึ้นของหุ้นตัวนี้สักเท่าไหร่ เพราะตลาดให้แวลูของหุ้นอยู่แถวนี้เจ้าค่ะ
* ส่วนที่ติดลมบนไปเสียแล้วในเวลานี้ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยังหุ้น RBF หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ 21.70 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 829 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเล่นในกรอบใหม่ที่บริเวณ 20-22 บาท ย่อมทำให้เชื่อว่า เที่ยวนี้น่าจะมีการเปลี่ยนฐานอย่างบูรณาการ หากเป็นดั่งที่เดี๊ยนเกริ่นนำจะทำให้การฟอร์มตัวเที่ยวนี้เลิศสะแมนแตน..หากทำไม่ได้ บอกได้ทันทีว่า เซตเกมใหม่นะคะ
* เหมือนกับในรายของ SRICHA ทำท่ากระเสาะกระแสะมาหลายรอบ แถมทุกครั้งที่ตั้งท่าขึ้นแรงทีไร สุดท้ายจบลงด้วยการตั้งฐานใหม่ที่สูงขึ้นเป็นประจำ และเป็นปรากฏการณ์ที่มีให้เห็นเป็นระลอกตั้งแต่ต้นปี “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นอย่างรวดเร็ววานนี้ไม่ธรรมดา เพราะการยืนปิดที่ระดับ 21.70 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 145 ล้านบาท มันเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้หุ้นต้องทะยานต่ออีกระยะหนึ่งพะยะค่ะ
* สำหรับในรายของ HFT ถือเป็นช็อตที่ทุกอย่างถูกปูมาเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรขัดขวางการทะยานขึ้นของหุ้นได้ แถมเมื่อดูจากค่า P/E 12 เท่า “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่หุ้นพยายามยืนต้านแรงขายแบบชิล ๆ และพยายามเทคตัวขึ้นไปสร้างฐานใหม่ตลอดเวลา จนสุดท้ายยืนปิดไปที่ระดับ 8.15 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 10.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 350 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time high มันมีอะไรที่ต้องกังวลอีกไหมล่ะคะ
* ส่วนหุ้นที่มีความเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นนั้น ก็ดูได้จากกรณีของ WINMED พยายามไต่ระดับขึ้นตลอดเวลา ก่อนจะปิดที่ระดับ 6.70 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 193 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของหุ้นที่เล่นกับความรู้สึกของคนได้ดี แถมธุรกิจที่ทำก็เกี่ยวข้องกับสุขภาพของผู้คนเสียด้วย หุ้นถึงเด้งขึ้นเป็นช่วง ๆ เพื่อรับงบที่กำลังจะประกาศ จึงเห็นภาพการวิ่งผ่าน 6.50 บาทได้สบาย ๆ และรอลุ้นจะไปถึงยอดเก่าแถว 7.40 บาทเมื่อไหร่ก็เท่านั้นเองจ้า!