พาราสาวะถี
นับตั้งแต่การระบาดระลอกสามเมื่อวันที่ 1 เมษายน จนถึงวันนี้ครบ 3 เดือนเต็ม บทพิสูจน์ของความไม่เอาไหนหรือความล้มเหลวทั้งการควบคุม ป้องกันและบริหารจัดการวัคซีนภายใต้การนำของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็คือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และน่าจะเป็นการกระโดดเข้าสู่การระบาดระลอกสี่ไปโดยปริยาย ถ้าจำกันได้ที่ท่านผู้นำ ลิ่วล้อสอพลอและหมอการเมืองทั้งหลายใช้วาทกรรมแหกตาประชาชนก็คือ หลังสงกรานต์สถานการณ์จะดีขึ้น
นับตั้งแต่การระบาดระลอกสามเมื่อวันที่ 1 เมษายน จนถึงวันนี้ครบ 3 เดือนเต็ม บทพิสูจน์ของความไม่เอาไหนหรือความล้มเหลวทั้งการควบคุม ป้องกันและบริหารจัดการวัคซีนภายใต้การนำของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็คือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และน่าจะเป็นการกระโดดเข้าสู่การระบาดระลอกสี่ไปโดยปริยาย ถ้าจำกันได้ที่ท่านผู้นำ ลิ่วล้อสอพลอและหมอการเมืองทั้งหลายใช้วาทกรรมแหกตาประชาชนก็คือ หลังสงกรานต์สถานการณ์จะดีขึ้น
ตัวเลขที่ปรากฏประจานความผิดพลาดอย่างมหันต์ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ทั้งที่ครั้งนั้นมีบรรดาหมออาชีพทั้งหลายออกมาเตือนแล้วว่า ไม่ควรปล่อยให้มีการเคลื่อนย้ายคนครั้งใหญ่ แต่ด้วยข้ออ้างสารพัดโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง จึงทำให้บรรดาหมอการเมืองทั้งหลายพากันหลิ่วตาข้าง พากันขานรับแนวทางดังว่า บนโจทย์ที่เชื่อกันอย่างมั่นเหมาะว่า หลังสงกรานต์จะคุมสถานการณ์ได้ ตัวเลขจะลดลงเหมือนการระบาดสองครั้งที่ผ่านมา
จนถึงนาทีนี้นอกจากไม่ลดและทำท่าว่าจะเพิ่มอย่างต่อเนื่องเสียด้วยซ้ำ ภายใต้โควิดกลายพันธุ์เดลต้าอินเดีย ที่ล่าสุด นายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล หมอจากศิริราชพยาบาลฉายภาพให้เห็นการระบาดของสายพันธุ์ดังว่า ข้อมูลจากการสุ่มตรวจเมื่อราวสิบวันก่อนในศิริราชพบสายพันธุ์เดลต้าประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ถ้าถึงวันนี้น่าจะเกินครึ่งไปแล้ว สัปดาห์นี้จะลองส่งตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดูว่าจะพบคิดเป็นสัดส่วนเท่าไร
สิ่งที่แวดวงการแพทย์และสาธารณสุขกังวลกันก่อนหน้า ตอกย้ำโดยหมอนิธิพัฒน์ก็คือ สายพันธุ์นี้นอกจากจะแพร่ได้ง่ายไปสู่ทั้งเด็ก คนท้อง และคนชรา ยังอาจจะเกิดปอดอักเสบได้เร็วและได้แรงกว่าสายพันธุ์เดิม ๆ ที่เราคุ้นเคย ที่ต้องขีดเส้นใต้จากความเห็นของคุณหมอรายนี้ก็คือ นี่เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เรียกการระบาดช่วงนี้เป็นระลอกสี่ และเป็นตัวชี้ขาดหนึ่งในความยากง่ายของการควบคุมโรคภายหลังเริ่มใช้มาตรการต่าง ๆ ที่ศบค.ภายใต้การนำของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศใช้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
โดยที่ยังไม่รู้ว่ามาตรการดังกล่าวจะประสบความสำเร็จขนาดไหน ขณะที่ที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศของศบค.ฉบับที่ 25 ในพื้นที่ 6 จังหวัดที่ถูกล็อกดาวน์ไปแล้ว แต่จากตัวเลขของการแถลงข่าวของโฆษกศบค. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ก็มีการยอมรับไปในตัวว่า จังหวัดสีขาวที่ไม่พบผู้ติดเชื้อลดเหลือแค่ 6 จังหวัดจากเดิมที่มีอยู่ 20-30 จังหวัด โดยหมอโฆษกสารภาพ นี่เป็นผลจากภาพที่พบเห็นแรงงานย้ายถิ่นกลับไปจังหวัดต่าง ๆ หลังประกาศปิดแคมป์ของรัฐบาล
เมื่อพิจารณามาถึงตรงนี้ ต้องยอมรับความเป็นจริงอีกประการว่า ไม่ว่าจะจี้ตรงจุดไหนก็ล้วนแล้วแต่เห็นความบกพร่อง ผิดพลาดในการแก้ปัญหาและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารประเทศโดยเฉพาะผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เด่นชัดที่สุดก็เรื่องวัคซีนถ้าฟังจากที่หมอนิธิพัฒน์ว่า วัคซีนแอสตร้าเซเนกาล็อตที่จะได้มาในเดือนกรกฎาคมนั้น ควรต้องเร่งปูพรมฉีดให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพื่อรับมือกับโควิดสายพันธุ์อินเดีย
ขณะเดียวกัน พอแตะตรงเรื่องวัคซีนมันก็ชวนให้ย้อนทวนความถึงกระบวนการคิด วิเคราะห์และตัดสินใจของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะที่ปรึกษาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพลาดแล้วมาซ้ำเติม แต่มันสมควรที่จะถูกกระทืบอย่างหนักเสียด้วยซ้ำ จากความไม่ตระหนักและยังไปกล่าวหาฝ่ายที่ร่วมกันเสนอความเห็นเรื่องวัคซีนว่าเป็นการตระหนกเกินเหตุ แม้เวลานี้จะอ้างว่ามีการระดมฉีดจนไทยยกระดับมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของอาเซียน แต่คำถามก็คือวัคซีนที่ใช้ฉีดเป็นหลักนั้นคุณภาพดีขนาดไหน
เห็นด้วยกับความเห็นของอดีตทูตอย่าง รัศมิ์ ชาลีจันทร์ ที่ชี้ว่าความผิดพลาดที่นำมาถึงจุดจุดนี้น่าจะสรุปได้สามประการหลัก ๆ คือ การไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX ของ WHO ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่ผลคือทำให้ประเทศเราไม่ได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ ในปริมาณและในเวลาที่ทันการณ์ ความคิดและการตัดสินใจที่จะผลิตวัคซีนเอง ซึ่งผลมันก็เป็นอย่างที่เห็นกัน การเลือกสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค ทั้งที่มีข้อมูลและข้อเท็จจริงมากมายที่แสดงให้เห็นว่ามีคุณภาพต่ำมากแต่ราคาสูง
มุมของอดีตทูตรัศมิ์ต่อประเด็นวัคซีนคุณภาพต่ำก็คือ ความหายนะของประเทศชาติแบบตอกฝาโลงที่แท้จริง แน่นอนว่า กรณีโครงการของโคแว็กซ์ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เช่นเดียวกับการคิดที่จะผลิตวัคซีนเอง ถือเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ ที่เกิดจากการประเมินและตัดสินใจที่ไร้วิสัยทัศน์ การขาดความรู้ความสามารถในการบริหารบ้านเมือง หรือจริง ๆ พอสรุปได้สั้น ๆ ว่าคือ ความโง่ โดยอดีตทูตคนดังตอกย้ำว่า โง่ล้วน ๆ โง่ ๆ ๆ ๆ อภิมหาโง่ โง่จนสรรหาคำอะไรมาบรรยายไม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น กรณีของวัคซีนซิโนแวคข้อมูลระดับโลกหลายแห่งชี้ว่าเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพต่ำ แต่ประเทศไทยกลับซื้อมาด้วยราคาแพงกว่าวัคซีนที่มีคุณภาพสูงตัวอื่น ๆ อีกทั้งไม่เคยมีการเปิดเผยสัญญาหรือชี้แจงอย่างชัดเจนเป็นทางการว่า เหตุใดจึงเลือกซื้อวัคซีนตัวนี้ เรื่องนี้จึงขาดทั้งความโปร่งใส และนำไปสู่คำถามว่ามีลับลมคมในอะไรในเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งอดีตทูตรายนี้ยังบอกด้วยว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเห็นแก่ได้ของใครบางคน นี่มันเลยขั้นความโง่ดักดานไปแล้ว
หากแต่เข้าขั้นความชั่วร้ายอันสุดแสนอำมหิต ที่เอาชีวิตพี่น้องร่วมชาติและอนาคตประเทศมาเป็นเครื่องสังเวยความโลภของตน “มันจะต้องด้วยจิตใจอันชั่วช้าสามานย์ของคนชนิดไหนถึงทำได้ขนาดนี้” คงต้องบอกว่าน่าจะเป็นหัวใจที่มองไม่เห็นหัวประชาชน เพราะในยามที่คนทั้งประเทศทุกอย่างแสนสาหัส ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานจมอยู่กับบ่อแห่งความทุกข์ที่เกิดจากการตัดสินของฝ่ายกุมอำนาจ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังหัวเราะร่วน ยิ้มระรื่น ปล่อยมุกตลกได้อย่างสบายใจ
ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นคือ บรรดาหมอ (รับใช้) การเมืองทั้งหลายต่างพากันร่วมก๊วนมุกตลกบนความฉิบหายของประชาชนด้วย คนจำนวนไม่น้อยคงคิดเหมือนที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช. โพสต์ข้อความล่าสุด การพูดเล่นพูดหัวราวกับว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีใครกำลังเจ็บ ไม่มีใครกำลังรอความตาย ไม่มีใครกำลังเจ๊งพินาศวอดวายจากความไร้ศักยภาพของรัฐบาล คำว่านะจ๊ะซึ่งเป็นคำสุภาพ เป็นคำหวาน จึงกลายเป็นคำน่ารังเกียจของชาวบ้านไปแล้วในปัจจุบัน