ZIGA แม่สวย แต่ลูกสาวเซ็กซี่
มีหุ้น 2 รายการในปีนี้ที่เราได้เห็นชะตากรรมพลิกผันสวนทางกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการที่เป็น “หุ้นที่ถูกนักวิเคราะห์เมิน” กลายเป็น “หุ้นที่อยู่ในดวงใจ” อย่างไม่น่าเชื่อ
มีหุ้น 2 รายการในปีนี้ที่เราได้เห็นชะตากรรมพลิกผันสวนทางกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการที่เป็น “หุ้นที่ถูกนักวิเคราะห์เมิน” กลายเป็น “หุ้นที่อยู่ในดวงใจ” อย่างไม่น่าเชื่อ
รายแรกคือ SELIC หุ้นกาวอุตสาหกรรมที่ย้ายฐานจากธุรกรรมแบบ B2B มาเป็น B2C ทางลัด ส่วนรายที่สองคือ ZIGA ผู้ผลิตเหล็กกัลวาไนซ์ด้วยนวัตกรรมจากเหล็กกลมทำท่อ มาเป็นเหล็กรูปพรรณสำหรับก่อสร้าง ที่กลายเป็นสินค้าเหล็กยอดนิยมสำหรับช่างก่อสร้างและเจ้าของบ้าน จนขายดีมาก ราคาวิ่งสวนทางชนิดผลิตไม่พอขาย
ลำพังยอดขายและรายได้-กำไร ย่อมเป็นคำตอบที่เพียงพอ สำหรับการวิ่งขึ้นของราคาได้ เพราะกำไรไตรมาสแรกเกือบเท่ากับทั้งปีของปีก่อนทีเดียว แต่วิศวกรรมการเงินจากการเพิ่มทุน เพื่อระดมเงินสดมาขยายกำลังการผลิตชนิด “ตีเหล็กตอนร้อน” ที่ได้จังหวะจะโคน ด้วยการเพิ่มทั้งหุ้นเพิ่มทุนและวอร์แรนต์ในสัดส่วนน่าสนใจ ทำให้ราคาที่เคยแน่นิ่งแถวใต้ 3.00 บาท ทั้งที่ไม่เคยขาดทุนแต่กำไรต่ำมากนานหลายปี ขยับวิ่งขึ้นมาต่อเนื่องมาจนถึงระดับเหนือ 7.50 บาท ก่อนที่จะปรับฐานลงมาเหลือใต้ 5.60 บาท เพราะเหนื่อยมากหลังไตรมาสแรกออกผลงานมาสุดสวย และผู้บริหารออกมายืนยันว่า ไตรมาสสองและสามหรือตลอดปีนี้ยังสวยงามต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
นักวิเคราะห์ของสำนักใหญ่ ๆ ที่เคยหมางเมินมาก่อน จำเป็นต้องเข้ามาสนใจตามเสียงเรียกร้องของนักลงทุนระดับบุคคลขาใหญ่ แล้วก็พบข้อเท็จจริงที่ทำให้ต้องออกมาเชียร์แขก “ฟันธง” ชนิดไม่กลัวเสียหน้า แนะให้ซื้อสะสมด่วนด้วยเหตุว่ามีของดีที่ซ่อนไว้อยู่
เหตุเพราะมีข้อเท็จจริงที่ย้ำว่า ราคาหุ้นที่มีอยู่ในตลาดต่ำเกินกว่าพื้นฐานมากเกินไป เพราะอนาคตอันใกล้รายได้และกำไรของ ZIGA จะยังคงพุ่งแรงต่อไปเป็นสถิติใหม่กันเลยทีเดียว
สำนักโบรกฯ ที่เคยได้ชื่อ “ถนัดทุบ” กลับลำหันมาระบุด้วยการคาดว่า ZIGA จะมีกำไรรายไตรมาสในไตรมาสสองที่รอประกาศต้นเดือนหน้าจะสูงเป็นสถิติใหม่ตั้งแต่ IPO เข้ามา (และไม่เคยทำได้อีกเลย) ที่ 44 ล้านบาท รวมแล้วครึ่งแรกของปีจะมีกำไรสุทธิประมาณ 74 ล้านบาท โตกว่าระยะเดียวกันปีก่อนกว่า 50% เป็นผลจากผลิตภัณฑ์เหล็กกัลวาไนซ์หรือ Pre-zinc ที่เป็นสินค้าเป็นสนิมช้ากว่า เหล็กรูปพรรณรุ่นเดิม ๆ
ในขณะที่ครึ่งปีหลังยังไปต่อเนื่อง ซึ่งคาดหมายเชิงบวกต่อไปว่า จะเห็นความชัดเจนของราคาที่จะขานรับผลประกอบการที่งดงาม
โดยคาดหมายว่าราคาเป้าหมายปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 7.15 บาท ซึ่งคิดเป็นอัพไซด์ประมาณ 30%
ราคาเป้าหมายของหุ้นสามัญ ZIGA หรือหุ้นแม่ ทำให้หุ้นลูกอย่าง ZIGA-W1 ที่ยังต่ำกว่าราคาทางทฤษฏี 17% (ราคาต่ำกว่าแม่ที่คิดราคาแปลงสิทธิในอีก 2 ปีข้างหน้า แค่ 1.00 บาทในสัดส่วน 1: 1) ถือว่าถูกเกินไป
คำแนะนำของนักวิเคราะห์จึงเปลี่ยนจากซื้อหุ้นแม่เป็นหุ้นลูกที่จะมีโอกาสวิ่งได้ไกลมากจากราคาล่าสุดวานนี้ที่ ระดับ 3.60 จะขึ้นไปถึง 6.15 บาท หรือมีอัพไซด์มากถึงกว่า 40% หากราคาหุ้นแม่เดินเข้าสู่ราคาเป้าหมาย
จะบอกว่าแม่สวยเริ่ดแล้ว แต่ลูกเซ็กซี่กว่าหลายเท่า …ก็ย่อมได้
นี่พูดกันถึงพื้นฐานของราคาหุ้นที่อิงผลประกอบการล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับสัญญาณเทคนิคอะไรเลย ดังนั้นจะเกิดข้อกังขาได้หากว่า ราคาที่เป็นอยู่กลับมีอาการ “ที่ว่าถูกแล้ว ยังมีถูกกว่า” เกิดขึ้น เพราะประเด็นว่าด้วย “หงส์ดำ” หรือความไร้เหตุผลของตลาด
ถ้าหากเป็นเช่นว่า ก็สมควรเผาตำราของ เบนจามิน แกรห์มทิ้งไป แล้วหันมาเล่นมวยวัดแทน