หน้าห้อง..จ้องงาบ ?
* วานนี้ “โมนิก้า” เพิ่งพูดไปหยก ๆ ว่า ไม่อยากอารัมภบทให้ยืดยาวไปกว่านี้ สู้เอาเวลาที่มีไปเผือกเรื่องชาวบ้านดีกว่า หลังมีประเด็นร้อนเริ่มเข้าหูเยอะขึ้นทุกวัน (จริง ๆ อยากทำตัวเป็นกุลสตรี แต่สังคมบีบบังคับให้ต้องเป็นนังร้ายตลอด) และในที่สุดก็มีเรื่องชาวบ้านให้เม้าท์แตกอีกจนได้ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนในเครื่องแบบเสียด้วย เดี๊ยนจึงต้องทุ่มหมดหน้าตักที่มีอยู่ (เดี๊ยนชอบคนในเครื่องแบบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) เจ้าค่ะ
* วานนี้ “โมนิก้า” เพิ่งพูดไปหยก ๆ ว่า ไม่อยากอารัมภบทให้ยืดยาวไปกว่านี้ สู้เอาเวลาที่มีไปเผือกเรื่องชาวบ้านดีกว่า หลังมีประเด็นร้อนเริ่มเข้าหูเยอะขึ้นทุกวัน (จริง ๆ อยากทำตัวเป็นกุลสตรี แต่สังคมบีบบังคับให้ต้องเป็นนังร้ายตลอด) และในที่สุดก็มีเรื่องชาวบ้านให้เม้าท์แตกอีกจนได้ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนในเครื่องแบบเสียด้วย เดี๊ยนจึงต้องทุ่มหมดหน้าตักที่มีอยู่ (เดี๊ยนชอบคนในเครื่องแบบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) เจ้าค่ะ
* ประกอบกับเรื่องที่จะเม้าท์เกี่ยวข้องกับทหารใหญ่ตัวเป้งเสียด้วย “โมนิก้า” จึงต้องบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบละเอียดยิบ เพื่อทุกคนจะได้เห็นความผิดปกติของการประมูลดาวเทียม หลังผู้คนในแวดวงธุรกิจมีการเอ่ยชื่อถึง พล.อ. วิลาศ เป็นตัวเดินเกมสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด แถมคราวนี้มีการส่งลูกชายที่มีชื่อว่า “วรายุทธ“ เป็นคนออกหน้าในการประมูลแบบเต็มตัว จึงทำให้สังคมยืนเกาหัวแกร๊ก..แกร๊ก พร้อมกับอุทานคำโตว่า อิหยังวะ!
* ประเด็นดังกล่าวคงไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมากขนาดนี้ เพราะคนใกล้ชิดกับนายกตู่ดันได้งานแบบสังคมคาใจ ไล่เรียงตั้งแต่บริษัทหลานรักก็คว้างานกองทัพแบบรัว ๆ และหลานรักคนที่ว่า ก็เป็นลูกชายของบิ๊กติ๊กเสียด้วย จึงทำให้สังคมจับตามากเป็นพิเศษตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..ขนาดเดี๊ยนไม่ได้คลุกคลีในวงการคนมีสียังรู้สึกทะแม่ง ๆ และคิดว่า คงไม่มีอะไรพิเรนทร์ ๆ แบบนี้เกิดขึ้นอีกนะจ๊ะ
* ที่ไหนได้..วานนี้กลับเกิดเสียงครหาดังระงมไปทั่วนาตาปี พร้อมกับมีข่าวลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า พลเอกคนดังกล่าวถือเป็นหน้าห้องที่บิ๊กตู่ไว้ใจคนหนึ่ง (สมัยเป็น ผบ.ทบ.) และพูดกันจนถึงขั้นที่ว่า ใหญ่กว่าเส้นก๋วยจั๊บ! “โมนิก้า” จึงต้องออกโรงเตือนด้วยความหวังดีว่า ต้องเบรกคนของท่านบ้างได้แล้วมั๊ง! และบ้านเมืองที่มันวุ่นวายขนาดนี้ก็มาจากคนใกล้ตัวท่านทั้งนั้น..หรือจะเถียงว่า มันไม่จริ๊ง..งงง!
* จุดที่น่าสนใจของบริษัทหลานรักที่ชื่อ “มิวสเปซ” อยู่ตรงการก่อตั้งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 และในปี 2562 มีทุนจดทะเบียน 109 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2560 มีรายได้แค่ 2 หมื่นบาท และมีผลขาดทุนสูงถึง 4.57 ล้านบาท ถัดมาในปี 2561 มีรายได้ขยับขึ้นมาอยู่แถว ๆ 4 แสนบาท แต่ผลขาดทุนพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 46 ล้านบาท แถมในอดีตยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทนี้เป็นเงินตัวเองและของครอบครัวแบบนี้.. มันจะรอดไหมเอ่ย?
* ยิ่งสังคมได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการเปิดประมูลวันที่ 24 ก.ค. นี้ ยิ่งทำให้ประเด็นนี้ร้อนเป็นไฟขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว จนคนที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างเฮีย “ชัยวุฒิ” ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของกระทรวงดีอีเอส ต้องกระโจนออกมาแตะเบรกก่อนจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นหนังเรื่องยาวที่จะมีการหักเหลี่ยมกันอีกหลายรอบอย่างแน่นอน และจะเริ่มเห็นตัวละครออกมามากมายเจ้าค่ะ
* ความวุ่นวายตรงนี้ทำให้เรื่องดังกล่าวต้องถึงมือ “บิ๊กตู่” เพื่อทำให้เรื่องต่าง ๆ เกิดความกระจ่างเสียที ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดสงครามข่าวใต้ดินไม่หยุดหย่อน และที่เดี๊ยนต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเม้าท์แตก เพราะหวังดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง และเชื่อมั่นกับคำสัตย์ปฏิญาณที่ว่า ชายชาติทหารทำอะไรตรงไปตรงมา รวมทั้งการทำให้สิ้นสงสัยน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกคน..รักนะ..จุ๊บ..จุ๊บ
* อีกเรื่องที่อยากเม้าท์คงเป็นควันหลงมหากาฬ WEH เพราะได้ข่าวแว่ว ๆ มาแต่ไกลว่า ฝั่งของ “นพพร” เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวมาจากแดนไกล ซึ่งจะมีการพูดถึงประเด็นร้อนที่สังคมกำลังให้ความสนใจ และจะมีการแจกแจงรายละเอียดของการดำเนินการในขั้นตอนถัดไปมีอะไรบ้าง? เดี๊ยนจึงอยากให้คนที่ชอบเผือกติดตามดูสถานการณ์จันทร์หน้าจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อีกฝั่งหนึ่งอ่ะป่าว? เพราะเรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ หรอกพ่อคุณ..ณณ
* ตบท้ายกันที่บรรยากาศการลงทุนดีกว่า เพราะการเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,593.75 จุด บวกไป 5.96 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.13 หมื่นล้านบาท ก็เป็นสถานการณ์ไซด์เวย์ธรรมดา ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นช่วยพลิกนรกได้แม้แต่นิดเดียว “โมนิก้า” จึงได้แต่นั่งตั้งจิตภาวนาให้สถานการณ์ของประเทศไทยดีขึ้น พร้อมกับลุ้นให้ผลงานไตรมาส 2 ของบริษัทต่าง ๆ ออกมาดีนะนายจ๋า!