รัฐใหญ่โตมีไว้ล้มเหลว

เหตุเพลิงไหม้สารเคมีระเบิดที่กิ่งแก้ว ย่อภาพ Failed State ของรัฐประยุทธ์ให้เห็นชัดในหนึ่งวัน จากที่เห็นกันอยู่แล้วในสถานการณ์โควิด


เหตุเพลิงไหม้สารเคมีระเบิดที่กิ่งแก้ว ย่อภาพ Failed State ของรัฐประยุทธ์ให้เห็นชัดในหนึ่งวัน จากที่เห็นกันอยู่แล้วในสถานการณ์โควิด

เกิดระเบิดก่อนรุ่งสาง เปลวไฟพวยพุ่ง ควันดำเต็มท้องฟ้า น่ากลัวอันตรายร้ายแรง แต่รัฐบาลไม่รู้สึกรู้สาสักนิด เหมือนข้าราชการตื่นเช้ามาทำงานรูทีน ไม่ดูข่าว ไม่เห็นวิกฤต ไม่ตั้งศูนย์บัญชาการ ปล่อยให้จังหวัด อำเภอ อบต. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทำงานกันไป

ซึ่งเขาก็ทำเต็มกำลัง แต่สถานการณ์มันเกินจะรับไหว มีเจ้าหน้าที่กับอุปกรณ์น้อยนิด กำลังหลักกลายเป็นอาสากู้ภัย ซึ่งพลีชีพไป 1 คน บาดเจ็บอีกหลายคน

คนไทยเหนือชาติใดในโลก ดับเพลิงฝรั่งเงินเดือนสูง อุปกรณ์ทันสมัยครบ เป็นฮีโร่ในหนัง แต่ดับเพลิงไทยใช้อาสาที่มาแต่ตัวกับหัวจิตหัวใจ อุปกรณ์บางชิ้นซื้อใช้เอง ไม่มีกระทั่งหน้ากากป้องกันสารพิษ เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยกระจายไปอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ ปภ.บ้าง ทหารบ้าง ท้องถิ่นบ้าง เวลาเกิดเหตุก็อาศัย “ร่วมด้วยช่วยกัน” เราต่างมาจากทั่วทุกสารทิศ แต่ไม่มีใครควบคุม Crisis Management

ในภาพรวมจึงเป็นประชาชนช่วยกันเองทั้งสิ้น ประกาศอพยพคนก็อาศัยสื่อ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ช่วยกระจายข่าว นักวิชาการอิสระช่วยให้ข้อมูลสารเคมีอันตราย วิธีป้องกัน มูลนิธิต่าง ๆ หน่วยงานใกล้เคียง ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ช่วยกันอพยพคน ช่วยกันรองรับ จัดหาที่พัก จัดหาอาหาร กระทั่งเหตุการณ์สงบได้ ก็เพราะทีมวิศวกรวัยรุ่น ใช้โดรน Novy เข้าไปค้นหาจนพบจุดปิดวาวล์

หลังจากนั้นตอนดึก ๆ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐจึงเข้าไปสั่งการแบบบูรณาการ ซึ่งควรจะทำตั้งนานแล้ว แต่คนสั่งกลายเป็น รมช.เกษตรฯ ไม่ใช่รัฐมนตรีมหาดไทย

และหลังจากปล่อยให้ฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ไปตั้งแต่บ่ายวันจันทร์ ตอนเช้าวันอังคาร หน่วยงานต่าง ๆ จึงพรึ่บพรั่บถ่ายภาพแจกของกันตาลาย ตำรวจ ทหาร เข้าพื้นที่ อุปกรณ์ครบครัน พวกสามนิ้วแซวสนั่น ทำไมไม่เอารถฉีดน้ำไปฉีดโฟม ทีฉีดม็อบละเร็วจัง

โลกออนไลน์ล้อว่า ตลอดทั้งวันประยุทธ์ทำอะไรบ้าง หนึ่ง กักตัว เพราะไปเปิดปราสาททรายภูเก็ต แล้วเซลฟีกับคนติดโควิด สอง สั่งใช้ฝนเทียมดับไฟสารเคมี สาม ยกเลิกคำสั่ง

ดูให้ดีจะพบว่ามีปัญหาหลายชั้น หนึ่ง รัฐบาลไม่ทันวิกฤต มองไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใส่ใจประชาชน

สอง ส่วนราชการไม่มีศักยภาพพอที่จะบริหารจัดการวิกฤต ลองเทียบ 9-11 ที่นายกเทศมนตรีนิวยอร์กเป็นผู้สั่งการ ปภ. จังหวัด หรือท้องถิ่นไทย ไม่มีอำนาจสั่งใช้เครื่องมือ งบประมาณที่กระจายไปตามหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะทหาร ซึ่งได้งบ ได้อุปกรณ์มากที่สุด

สาม ปัญหาระยะยาว การปล่อยให้โรงงานสารเคมีตั้งกลางชุมนุมชน แม้กรณีนี้โรงงานตั้งมาก่อน แต่ผังเมืองก็อนุญาตให้สร้างที่อยู่อาศัยรายล้อมเต็มไปหมด

การบริหารวิกฤตล้มเหลว ทั้งที่รัฐราชการใหญ่โต มีคนมาก งบประมาณมาก กลับต้องให้อาสากู้ภัยพลีชีพ เป็นภาพเดียวกับวิกฤตโควิด ซึ่งประชาชนช่วยเหลือกันเองมากกว่ารัฐ

สั่งปิดชุมชน ปิดแคมป์คนงาน กักขังในกล่องสังกะสี บอกจะจ่ายค่าแรง 50% จะจัดหาอาหารให้ ที่ไหนได้โดนลอยแพ ประชาชนต้องเรี่ยไรกัน ต้องโวยจนเป็นข่าว กระทรวงแรงงานจึงเข้าไปดูแล

เตียงไม่พอ คนติดเชื้อรอความตายอยู่บ้าน ก็ต้องอาศัยโซเชียลประจาน ต้องพึ่งเพจดัง พึ่งแกนนำม็อบ ช่วยหาเตียง หารถรับส่ง

Failed State เคยเกิดในยุคยิ่งลักษณ์ เพราะหน่วยงานรัฐ ทั้งผู้ถือปืน ถือกฎหมาย “ก่อกบฏ” จนรัฐบาลสั่งใครไม่ได้

แต่ Failed State ยุคประยุทธ์ เกิดทั้งที่รัฐใหญ่โต มีงบ มีกำลังคนมากมาย มีอำนาจล้นหลาม สั่งปราบ สั่งจับใครก็ได้ พอเกิดวิกฤต กลับเชื่องช้าเงอะงะ ไร้ประสิทธิภาพ ล้มเหลวในการบริหารจัดการ

ปล่อยให้ประชาชนพึ่งตัวเอง ช่วยกันเอง แบบใครไม่อยากตายต้องจ่ายเงินซื้อ Moderna ซึ่งรัฐก็ยังเป็นตัวถ่วงให้ล่าช้าอีก

Back to top button