ไม่หลุด 1,570 จุด / ภาษีหุ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ลงไปต่ำสุด 1,574 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ลงไปต่ำสุด 1,574 จุด
ไม่หลุดแนวรับสำคัญ 1,570 จุด
ก่อนหน้านี้ ดัชนีเคยลงมาบริเวณ 1,570 จุดอยู่หลายครั้ง
ทว่า แนวรับสำคัญดังกล่าวยังแข็งแกร่ง จากแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างมากในหุ้นที่นักลงทุนมองว่าราคาลงมาถูก ทำให้ช่วยประคองดัชนีไว้ได้
นักวิเคราะห์หลายคนต่างมองว่า
ภาวะตลาดหุ้นไทยคงจะ “ไซด์เวย์ดาวน์” ไปเรื่อย ๆ
หรือค่อย ๆ ซึมลง
แต่ความเห็นส่วนใหญ่ยังมองว่า 1,570 – 1,550 จุด ยังพอรับไหว และเป็นจุดที่น่าจะทยอยซื้อสะสม
อาจจะมีนักวิเคราะห์บางคนแนะนำไปรอซื้อแถว ๆ 1,500 จุด
แต่หากย้อนหลังกลับไปดูการคาดการณ์ดัชนีจะลงลึกไปเท่านั้น เท่านี้ แล้วให้นักลงทุนไปกางมุ้งรอรับแถว ๆ นั้น
ส่วนใหญ่ดัชนีจะลงไปไม่ถึง
พรรคพวกมาดักเก็บปาดหน้าไปซะก่อน แล้วลากดัชนีกลับขึ้นไป จนตกขบวนกันไป
ปัจจัยลบตอนนี้
หากเป็นต่างประเทศ คงเป็นนโยบายด้านการเงิน เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เข้ามารบกวนเป็นพัก ๆ ทั้งปรับลด QE และเรื่องดอกเบี้ยที่ยังไม่สะเด็ดน้ำว่า จะปรับขึ้นกันตอนไหน
ส่วนปัจจัยลบที่กดดันหุ้นไทยเป็นหลักขณะนี้ มาจากสถานการณ์ โควิด-19
นักลงทุนกังวลว่า รัฐบาลจะ “ล็อกดาวน์” ในเขตพื้นที่สีแดง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ทำให้หุ้นที่เกี่ยวกับการ “เปิดเมือง” ถูกกดดันไปเรื่อย ๆ
ราคาไม่ค่อยขยับไปไหน ซึมลง ๆ
และหากลงไปค่อนข้างมาก จะเกิด “เทคนิเคิลรีบาวด์” เป็นบางครั้ง เช่น AWC และ CRC
ส่วนอีกปัจจัยกระทบหุ้นไทยวานนี้ (แต่ไม่น่ามาก)
คงเป็นเพียงการเสนอให้จัดเก็บ “ภาษีกำไรขายหุ้น” หรือ Capital Gains Tax ที่กระทรวงการคลังบอกว่ากำลังศึกษา
จำได้ว่าเคยเขียนเรื่องนี้ไว้เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2562
ขณะนั้น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ
และ “อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” เป็น รมว.คลัง
ทั้งสองคนต่างคลุกคลีในวงการหุ้นไทยมานาน ต่างแสดงความไม่เห็นด้วย
ส่วนออกมาขณะนั้น เป็นการออกมาพูดในงานแห่งหนึ่งของผู้บริหารสภาพัฒน์
โดยสรุปประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย
มีการออกมาพูดเรื่องนี้กันหลายรอบมาก นานมากกว่า 10 ปีแล้วล่ะ
ย้อนความกันอีกครั้ง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เคยเสนอไปยังรัฐบาลมาแล้วหลายครั้ง (หลายสมัย หลายรัฐบาล) และทุกครั้งเรื่องจะเงียบหายไป
เท่าที่พอทราบมาทางคลัง คงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ (ก่อนหน้านี้) ทางกระทรวงการคลัง เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
ส่วนตอนนี้ ขุนคลังคนปัจจุบันเคยเป็นเลขาฯ สภาพัฒน์มาก่อน
เลยไม่แน่ใจว่า จุดยืนของคลังจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ หาก รมว.คลังคนปัจจุบัน ที่เคยอยู่สภาพัฒน์ เกิดอยากให้จัดเก็บขึ้นมาจริง ๆ
เหตุผลของสภาพัฒน์ มองว่าการจัดเก็บภาษีกำไรขายหุ้น จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชากรไทยได้อีกทางหนึ่ง
แต่ข้อเท็จจริงอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ได้
ล่าสุด คนวงการตลาดทุนต่างออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย
เพราะเท่ากับจะทำให้ตลาดทุนหยุดการพัฒนา คนเข้าวงการหุ้นน้อยลง
ประกอบกับ ตลาดหุ้นที่มีการจัดเก็บภาษีรูปแบบนี้ จะมีเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น และตลาดหุ้นได้เกิดขึ้นมานานนับร้อยปี เช่นตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐฯ
หรือตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาอื่น ๆ
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกับประเทศไทย
ยังไม่พบว่ามีใครจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้น
เชื่อว่าเรื่องนี้มีโอกาสที่จะถูกตีตกไปค่อนข้างสูง ถูกจัดเก็บเข้าลิ้นชัก
แล้ววันดีคืนดี ก็อาจนำมาปัดฝุ่น
โหมโรงกันใหม่