การเมืองเฮงซวย..หุ้นเจ๊งกะบ๊ง
* ข้อคิดอย่างหนึ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้ทุกคนกลับไปนั่งคิดเป็นการบ้าน ในช่วงที่ประเทศกำลังจะประกาศล็อกดาวน์ก็คือ วิถีการเมืองของบ้านเรามันเฮงซวยขนาดไหน? และเหตุการณ์ที่พาให้ทุกคนเดินมาถึงจุดนี้ มันมาจากนักการเมืองซังกะบ๊วยใช่ไหม? โดยทั้งสองประเด็นเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องอ่านเกมให้ออกอย่างรวดเร็วว่า อยากให้การเมืองในประเทศเป็นแบบไหนพะยะค่ะ
* ข้อคิดอย่างหนึ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้ทุกคนกลับไปนั่งคิดเป็นการบ้าน ในช่วงที่ประเทศกำลังจะประกาศล็อกดาวน์ก็คือ วิถีการเมืองของบ้านเรามันเฮงซวยขนาดไหน? และเหตุการณ์ที่พาให้ทุกคนเดินมาถึงจุดนี้ มันมาจากนักการเมืองซังกะบ๊วยใช่ไหม? โดยทั้งสองประเด็นเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องอ่านเกมให้ออกอย่างรวดเร็วว่า อยากให้การเมืองในประเทศเป็นแบบไหนพะยะค่ะ
* เนื่องจากในอดีตประเทศไทยเคยมีพรรคเดียวที่มีความเข็มแข็งเป็นรัฐบาล ก็ดันมีปัญหาเรื่องอภิมหาโกงเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น พร้อมกับโดนครหาเรื่องเผด็จการรัฐสภาพ่วงท้ายไปด้วย จึงทำให้พรรคเดียววงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จนไปตั้งก๊กของตัวเองเพื่อเสนอตัวรับใช้ประชาชน จนนำไปสู่เกิดการประท้วงกันวุ่นวายของม็อบหลากสีในช่วงหลายปี ซึ่งเปิดทางให้ทหารเข้ามายึดอำนาจแบบใส ๆ..ยังจำกันได้ไหมเอ่ย?
* การเข้ามาของทหารในคราวนั้นทำให้บ้านเมืองสงบขึ้นก็จริง (ไม่มีสงครามกลางเมือง) แต่ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟูเหมือนที่ใครคาดหวัง เพราะรัฐบาลทหารไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องค้าขาย ผนวกกับต้องตามง้อพรรคกลาง พรรคเล็ก เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง เลยตกเป็นเบี้ยล่างของพรรคร่วมรัฐบาลไปโดยปริยาย ส่งผลให้การบริหารจัดการประเทศในเรื่องต่าง ๆ เละเทะไปหมดอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
* ผนวกกับการทำงานของฝ่ายค้านก็อยู่ในมุมที่ห่วยแตกพอกัน เพราะการอภิปรายในแต่ละครั้งก็มีลูกแทงกั๊ก และเกรงใจผู้ใหญ่ของอีกฝั่ง ส่งผลให้เนื้อหาสาระที่คุยโวโอ้อวดนอกสภาว่า มีหมัดเด็ดที่จะเก็บไว้น็อครัฐบาลทหารคาเวทีออกมา หม..ไม่แด๊ก! หรือแม้กระทั่งบทบาทของแก๊ง 3 นิ้วบนเวทีการเมือง ก็ออกมาในแนวบ้าบอคอแตกอยู่กับเรื่องดึงฟ้าต่ำเพียงอย่างเดียว ทั้งที่เวทีนี้เป็นโอกาสของการแสดงความเป็นผู้นำประเทศให้กับคนรุ่นใหม่แบบนี้..มันน่าเขกกะโหลกไหมล่ะจ๊ะ
* ฉะนั้นอย่ามาเม้าท์ว่า วันนี้การเมืองเฮงซวยเลย!..เพราะในความเป็นจริง มันเฮงซวยมานานแล้ว และที่เฮงซวยหนักกว่าทุกครั้งคือ ดันเอาชีวิตของประชาชนตาดำ ๆ มาเป็นตัวเดิมพัน พร้อมกับมีการแก้เกมเรื่องนำเข้าวัคซีนแบบเกลือจิ้มเกลือ (แฉผลประโยชน์ของแต่ละฝั่งกันอุตลุด) ซึ่งเห็นได้จาก ครม.ประกาศนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์จำนวนมากถึง 20 ล้านโดส เพื่อนำมาให้ประชาชนฉีดฟรีไงล่ะคะ
* ประเด็นดังกล่าวกระทบชิ่งไปหา หมอ.บ ซึ่งเป็นโต้โผออกมาแฉความเฉื่อยชาของรัฐบาลในทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ๆ สำหรับหมอนักธุรกิจ เพราะสิ่งที่พยายามผลักดันให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงวัคซีนโมเดอร์นาเร็วที่สุด กลับโดนคนรุ่นลูกอย่าง หมอ.น เปิดยุทธการหักเหลี่ยมแบบไม่คาดฝัน พร้อมกับเกิดสงครามแฮชแท็กบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วแบบนี้..มันจะบ้ากันไปถึงไหนเนี่ย..ยย
* สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้นักธุรกิจหลายภาคส่วนเห็นพ้องตรงกันว่า หากการเมืองในบ้านเราไม่นิ่ง และโควิดยังแพร่ระบาดไปทุกหย่อมหญ้า อย่าคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นในเร็ววัน เพราะสิ่งที่ควรเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอันดับแรกคือ ต้องฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ตอนนั้นถึงจะคาดหวังแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้สักที เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังมืดแปดด้าน (ถ้าสถานการณ์คลี่คลาย จะฟัดกันเหมือนสุนัขทุกวัน น้องโมจะไม่ด่าเลยสักคำ) นะจ๊ะ
* เมื่อหลายอย่างมันห่วยแตกเกินจะบรรยาย ตลาดหุ้นไทยเลยทรุดฮวบลงอย่างรวดเร็ว และรูดทะลุแนวรับสำคัญ 1,550 จุดลงอย่างง่ายดาย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,543.67 จุด ลบไป 32.93จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.10 แสนล้านบาท คือภาพสะท้อนความกังวลที่มีต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง และมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะไหลลงไปที่เส้นแนวรับ 200 วัน ตรงบริเวณ 1,510 จุดนะจะบอกให้
* สาเหตุที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นเป็นเพราะ ค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนยวบยาบ ผนวกกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ก็อยู่ในทิศทางร่วงลงหนัก ขณะที่ราคาทองคำกลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง ย่อมเป็นแรงกดดันที่มีผลโดยตรงกับตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นแต่โดยดี และทำตัวโอนอ่อนไปตามกระแสที่เกิดขึ้น เพื่อกำหนดรูปแบบการลงทุนให้ยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการฝืนกระแสโลกในภาวะที่ประเทศไทยยังอ่อนแอ..ได้ไม่คุ้มเสียหรอกค่ะ