เปิดหุ้นราคาพุ่ง 100% ครึ่งปีแรก!

ผ่านไปแล้วสำหรับการลงทุนในครึ่งปีแรก โดยภาพรวมแล้วดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 9.55% เปรียบเทียบจากวันที่ 30 มิ.ย.64


เส้นทางนักลงทุน

ผ่านไปแล้วครึ่งปีแรก! สำหรับการลงทุนในปี 2564 โดยภาพรวมแล้วดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ปรับตัวขึ้น 9.55% เปรียบเทียบจาก ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564 อยู่ที่ 1,587.79 จุด เทียบกับเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2563 อยู่ที่ 1,449.35 จุด ทั้งนี้หากพิจารณาหุ้นกลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะเห็นว่ายังมีหุ้นที่สามารถให้ผลตอบแทนเป็นบวก แม้ว่าระหว่างทางยังเจอแรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าคลี่คลาย!!

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจจึงขอนำเสนอหุ้นราคาพุ่งแรง หรือที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 100% ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 พบว่ามีหลักทรัพย์ดังต่อไปนี้ JTS, AEC, XPG, 7UP, TH, TGPRO, RCL, TNPC, CEN, CSP, PAF, FSS, TTA, INOX, SAM, SKN, PSL, SCM, VPO, TEAM, ACG, GBX, AJA, SMT, INGRS, TSTH, RBF, GENCO, IT, BRR, MDX, SF, SIS, SITHAI, ITD, APURE, AS, NCH, LANNA, PDJ, PERM, GJS, WICE, CMAN, CPW, NCAP, B52, GREEN, THE และ VNG

สำหรับหุ้นที่ราคาพุ่งขึ้นมากสุดในครึ่งปีแรกคือ บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,583.94% หรือ 30.57 บาท โดยทำให้ราคา ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564 มาอยู่ที่ 32.50 บาท จากวันที่ 30 ธ.ค. 2563 อยู่ที่ 1.93 บาท ส่วนหนึ่งเป็นการตอบรับหลังจากการซื้อหุ้น JASTEL เป็นการขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัทไปยังธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ระหว่างประเทศและบริการชุมสายอินเทอร์เน็ต บริการวงจรเช่าส่วนบุคคลระหว่างประเทศ บริการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ

รวมถึงบริการเป็นศูนย์รวมการจัดเก็บข้อมูล (Data Center) เพื่อรองรับกับธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งที่บริษัทย่อย คือ บริษัท คลาวด์ คอมพิวติ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด กำลังดำเนินธุรกิจอยู่ และรองรับกับความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัท และ KT Corporation จากประเทศเกาหลี ซึ่งจะเป็นการเปิดตลาดคลาวด์โซลูชันอย่างครบวงจรทั้งในประเทศไทยและระหว่างประเทศ

ส่วนนี้จึงทำให้หลายฝ่ายมั่นใจถึงความมั่งคั่งในอนาคตว่าจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการแข็งแกร่งมากขึ้นหลังจากที่ช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตสม่ำเสมอ

ตามด้วยหุ้นที่ราคาพุ่งขึ้นไม่แพ้กันอย่าง บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,261.54% หรือ 1.64 บาท โดยทำให้ราคา ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564 มาอยู่ที่ 1.77 บาท จากวันที่ 30 ธ.ค. 2563 อยู่ที่ 0.13 บาท หลังจากมีสตอรี่ในเชิงบวกเข้ามาหลังมีการปรับโครงสร้างทุนบริษัทหวังล้างขาดทุนสะสม 873.10 ล้านบาท ต่อมามีประเด็นการร่วมทุนไทยสมายล์บัสรองรับการทำธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางด้วย E-Bus จนกระทั่งได้ชนะการประมูลโรงไฟฟ้าขยะ 2 แห่งในอุดรธานี-นครราชสีมา รวม 19.8 เมกะวัตต์ และเรื่องบอร์ดมีมติยกเลิกลดพาร์ก็ทำให้ราคาหุ้นวิ่งมาอย่างต่อเนื่อง

นอกเหนือจากหุ้นที่นำเสนอข้างต้น สามารถดูการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นพุ่งแรง หรือให้ผลตอบแทนเกิน 100% ตัวอื่นได้จากตารางประกอบ

อย่างไรก็ตาม หากดูหุ้นที่ราคาพุ่งแรงช่วงครึ่งปีแรก จะเห็นว่าล้วนเป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่!!!

Back to top button