BLISS เพิ่มทุน ใช้หนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่

หลังจาก “กลุ่มทองแตง” เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท บลิส อินเทลลิเจนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ตั้งแต่ปี 2559 ก็ดูเหมือนยังไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารเท่าที่ควร...


หลังจาก “กลุ่มทองแตง” เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท บลิส อินเทลลิเจนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ตั้งแต่ปี 2559 ก็ดูเหมือนยังไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารเท่าที่ควร…

แม้จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ จากเดิมขายโทรศัพท์ ซิมมือถือ มาสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร เสาโทรคมนาคม แต่ผลประกอบการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังขาดทุนอยู่…ปี 2562 มีรายได้ 1,126 ล้านบาท ขาดทุน 195 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 932 ล้านบาท ขาดทุน 904 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้ มีรายได้ 50 ล้านบาท ขาดทุนปาไป 89 ล้านบาท…

เรียกว่าตัวเลขขาดทุนวิ่งแซงรายได้ซะด้วยซ้ำไป..!?

ผลพวงจากรายได้ที่หดหายอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้กระแสเงินสดขาดมือ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 มีกระแสเงินสดและเทียบเท่าเงินสดเพียง 66 ล้านบาทเท่านั้น

เลยเป็นที่มาของการเพิ่มทุนครั้งมโหฬาร…โดยให้ผู้ถือหุ้นเดิมร่วมลงขันใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 68,755,442,670 หุ้น มูลค่า 1,375.10 ล้านบาท (อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 10 หุ้นใหม่) ที่ราคาหุ้นละ 0.02 บาท

ที่จริงการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ…แต่บังเอิญวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนครั้งนี้ ระบุชัดจะเอาไปจ่ายหนี้ราว 390 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28.36% ของเงินเพิ่มทุน

แถมบังเอิ๊ญบังเอิญอีกว่า เจ้าหนี้รายใหญ่ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BLISS นั่นแหละ โดยจะไปจ่ายหนี้ราว 200 ล้านบาท ซึ่งหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้ที่บริษัทกู้จากผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว คิดดอกเบี้ยอยู่ที่ 8.25% ต่อปี จะครบกำหนดชำระภายในเดือน ส.ค. 2564 นี้

เท่ากับว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อคืนหนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่น่ะสิ..!!

ก็น่าแปลก ผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้เข้ามาเกิดการสร้างแวลูอย่างไร.? ก่อนหน้านี้ปล่อยกู้ไป แล้วปั้นสตอรี่ อาจไม่ซัคเซสหรือเปล่า..? อันนี้มิอาจทราบได้…

ส่วนเงินอีกก้อนราว 150 ล้านบาท จะนำไปจ่ายหนี้เงินกู้แบงก์ที่จะครบกำหนดในเดือน พ.ย. 2564 นี้ และอีก 40 ล้านบาท ไว้สำหรับจ่ายคืนเจ้าหนี้เงินกู้ยืม ซึ่งบริษัทวางแผนจะกู้เงินมาเติมสภาพคล่องในไตรมาส 3 นี้

ขณะที่วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ ก็น่าคิดว่าจะสร้างแวลูอย่างไร..? เพราะหลัก ๆ ไปใช้หนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือสถาบันการเงิน เป็นเงินทุนหมุนเวียนแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

การเพิ่มทุนครั้งนี้ จึงเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า…ซึ่งไม่ต่างจากขายผ้าเอาหน้ารอดอะนะ..!?

ก็ไม่รู้ว่าเงินที่เหลือจากการใช้หนี้แล้ว จะเพียงพอต่อการรันธุรกิจต่อไปหรือไม่..?

แถมการเพิ่มทุนครั้งนี้ เป็นการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม ก็ไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะใช้สิทธิกันหรือเปล่า..? การเอาเงินไปใช้หนี้ ก็มีความเสี่ยงว่าเพียงพอมั้ย..?

โอเค…แม้จะทำให้บริษัทประหยัดต้นทุนดอกเบี้ย และมีฐานทุนใหญ่ขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในอนาคตหากมีโครงการใหญ่เข้ามา ก็จะมีศักยภาพในการกู้แบงก์มากขึ้น…

แต่ด้วยวัตถุประสงค์ของการนำเงินไปใช้หนี้ จะทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมลังเลที่จะใส่เงินเพิ่มทุนหรือไม่..?

งานนี้คงต้องวัดใจผู้ถือหุ้นแล้วล่ะ ซึ่งปลายเดือน ก.ย.นี้ คงรู้กันจะหมู่หรือจ่า…

แต่บทสรุปบนยอดสุดของเรื่องนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวเบาขึ้น..!!

อ้อ…ถ้าถามว่าหุ้น BLISS จะได้กลับมาเทรดเมื่อไหร่..? หลังจากโดนแขวน SP ยาวตั้งแต่ปี 2554 เรื่องนี้หนูไม่รู้ จริงจริ๊ง…

…อิ อิ อิ…

Back to top button