เด้งเพื่อลง

* หากมองอารมณ์ของตลาดหุ้นไทยให้ถึงแก่นจะเห็นว่า ช่วงนี้มีแต่เรื่องร้าย ๆ ที่คอยบั่นทอนกำลังใจของผู้เล่นอย่างหนักหนาสาหัส จนนักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศพากันหนีตายอย่างอลหม่าน และภาพดังกล่าวก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่กลางเดือนก่อน และทุเลาลงในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนปะทุอีกครั้งในช่วงต้นเดือน และคาดว่าจะยืดเยื้อไปถึงสิ้นเดือนเลยนะจ๊ะ


* หากมองอารมณ์ของตลาดหุ้นไทยให้ถึงแก่นจะเห็นว่า ช่วงนี้มีแต่เรื่องร้าย ๆ ที่คอยบั่นทอนกำลังใจของผู้เล่นอย่างหนักหนาสาหัส จนนักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศพากันหนีตายอย่างอลหม่าน และภาพดังกล่าวก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่กลางเดือนก่อน และทุเลาลงในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนปะทุอีกครั้งในช่วงต้นเดือน และคาดว่าจะยืดเยื้อไปถึงสิ้นเดือนเลยนะจ๊ะ

* สถานการณ์ตรงนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นเป็นกอง เพราะต้องจมอยู่กับเรื่องโควิดต่อไปอย่างไม่มีกำหนด และจะทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์อย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงไม่ต้องแปลกใจที่ดัชนีทำดีสุดได้แค่การยืนปิดที่ 1,549.84 จุด ลบไป 2.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.54 หมื่นล้านบาท เพราะมันไม่มีอะไรมาจรรโลงจิตใจสักเรื่อง ส่งผลให้การได้ไปต่อเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเพ้อฝันในตอนนี้เจ้าค่ะ

* วันนี้ถึงต้องถามใจผู้เล่นว่า ยังมีอาการโลกสวยอยู่อีกไหม? หลังเห็นกันชัด ๆ ว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มสะดุดจังเบ้อเร่อ! แถมยอดคนติดเชื้อในแต่ละวันก็อยู่ในระดับที่สูงมาก “โมนิก้า” มองการขึ้นของดัชนีเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนเป็นการ “เด้งเพื่อลง” และในไม่ช้าจะมีการทดสอบแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,500 จุดอย่างแน่นอน จึงอยากให้แฟนคลับเตรียมตัวรับแรงกระแทกที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกระลอกพะยะค่ะ

* เหมือนกับการทรุดตัวลงของหุ้น PTTGC ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 54.75 บาท ลบไป 3.75 บาท หรือลงไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.12 พันล้านบาท ล้วนเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มทุน หลังประกาศปิดดีลเทคฯ HVB อย่างเป็นทางการ ทั้งที่ดีลดังกล่าวเป็นการสร้างแวลูให้กับบริษัทเนื้อ ๆ เน้น ๆ แถมยังพูดชัดว่า มีแหล่งเงินทุนทั้งภายใน และภายนอกคอยซัพพอร์ตอย่างเต็มที่แบบนี้..บอกได้คำเดียวว่า ลงต้องเก็บ (บุ๊ก 65 บาท) นะตัวเอง

* ส่วนรายที่ต้องถอยฉากเป็นการชั่วคราว และต้องดูลาดเลาไปสักพักก่อน “โมนิก้า” ขอชี้เป้าไปที่หุ้นโรงบาลเป็นอันดับแรก เพราะผู้รู้หลายรายพูดเป็นเสียงเดียวกันตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่า อัพไซด์จำกัด! ส่งผลให้หุ้นโรงบาลโดนถล่มอย่างหนักวานนี้ โดยเฉพาะในรายของ CHG ถึงกับไหลลงมากองอยู่ที่ระดับ 3.96 บาท ลบไป 0.38 บาท หรือลงไป 8.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.16 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 50 เท่าแบบนี้..อยู่เฉย ๆ ดีกว่ามั้ง!

* เช่นเดียวกับหุ้นถุงมือยาง STGT กลายเป็นหุ้นที่ถูกขายลงมาเรื่อย ๆ เป็นเวลาเกือบสองเดือน ทั้งที่เพิ่งได้เห็นยอดใหม่บริเวณ 49 บาทได้ไม่ทันไร วานนี้กลับเห็นหุ้นลงมานอนกลิ้งที่ระดับ 38 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาท  ท่ามกลางค่า PE 5 เท่า มันตีความได้อย่างเดียวว่า งบไม่ปังเหมือนก่อนหน้านี้ ทุกคนเลยแยกย้ายวงเพื่อกลับบ้าน จึงมีโอกาสเห็นหุ้นไหลลงไปแถว 35 บาทอีกรอบนะคะ

* ขนาดหุ้นโบรกเกอร์ตัวท็อป และยังเป็นเจ้าตลาด DW แบบลอยลำอย่าง KGI ยังโดนเล่นงานจนสะบักสะบอม จากหุ้นมีราคาค่างวดแถว 8 บาท แต่วานนี้ลงมายืนปิดที่ 6.15 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 206 ล้านบาท “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะของตลาดหุ้นไม่เป็นใจ บวกกับปัจจัยทางเศรษฐกิจสั่นคลอนอย่างหนัก โอกาสไปต่อเลยตีบตันลงเรื่อย ๆ นะจ๊ะ

* ส่วนรายที่มีผลงานเป็นตัวค้ำยันอย่างหุ้น EPG ถือเป็นช็อตเด็ดที่น่าติดตามกันยาว ๆ เพราะธุรกิจทุกหน่วยมาดีมาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ ฉนวนยานยนต์พลาสติก ถือว่า ท็อปฟอร์มสุด “โมนิก้า” ถึงเห็นด้วยกับการขึ้นมายืนปิดที่ 13.10 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 992 ล้านบาท จึงอยากให้ทุกคนจับตาดูผลงานจะออกมาปังเหมือนที่เดี๊ยนโม้อ่ะป่าว?..อิอิอิ

* อีกรายที่อยากให้แฟนคลับลุยเลยก็หนีไม่พ้น WINMED เพราะเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแพทย์ แถมยังมีเทคโนโลยีที่ยากจะลอกเลียนแบบเข้ามาหนุน จึงเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า วันนี้ก็โต..วันหน้าก็โต “โมนิก้า” จึงกล้าออกปากอย่างเต็มที่ว่า “แรบิดเทส” เป็นอีกหนึ่งตัวนำร่องที่จะช่วยหนุนผลงานช่วงโค้งสุดท้ายแจ่ม และในช่วงโค้งดังกล่าวน่าจะมีอะไรเด็ด ๆ ออกมาอีก ส่งผลให้การยืนปิดที่ 6.65 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท เหมาะต่อการทยอยเก็บจริง ๆ นะคะ

Back to top button